วันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2560

บทวิเคราะห์แนวโน้มฟิวเจอร์ส วันที่ 22 กันยายน 2560 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

Derivative daily comment
Today Strategy : Gold เรายังคงให้น้ำหนักฝั่ง Short สำหรับการเปิดสถานะในระยะสั้นโดยเฉพาะเมื่อราคาเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับนัยสำคัญที่ 1,300 USD/toz ซึ่งถือเป็นจุดตัดสินใจในเชิงจิตวิทยาสั้นๆ ในช่วงนี้ อย่างไรก็ตามด้านกองทุน SPDR เมื่อคืนมีสถานะซื้อสุทธิบวกสวนทางตลาดกว่า 6.2 ตัน รวมมีสถานะถือครองทองคำที่ระดับ 852.23 ตัน

Key Factors
- ตลาดทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบราคาด้านล่างหลังเมื่อคืนก่อนหน้าโดนเเรงขายกระเเทกออกมาค่อนข้างมากจากคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ อีกครั้งหนึ่งในช่วงเดือนธันวาคมนี้ เเรงกดดันดังกล่าวเข้ามาบดบังปัจจัยบวกจากประเด็นความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลีซึ่งเริ่มกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง เเต่อย่างไรก็ตามสำหรับการเคลื่อนไหวระหว่างวันในวันนี้ตลอดจนการซื้อขายช่วงกลางคืนตลาดทองคำน่าจะกลับมาผันผวนจากถ้อยเเถลงของประธานธนาคารกลางยุโรปซึ่งน่าจะมีความเป็นเกี่ยวกับการคง/เปลี่ยนเเปลงมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งถ้อยเเถลงของนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักด้วย

Strategy : ฝั่ง Short ได้เปรียบ


Key Point
Positive ( + )
- ความต้องการถือทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น เมื่ออัตราแลกเปลี่ยนผันผวนแรง

Negative ( - )
- เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
- การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ
- การใช้นโยบายทางการเงินเชิงผ่อนคลายของธนาคารกลางต่างๆ


Neutral ( * )
- การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
- ความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ
- แรงขายของสินทรัพย์เสี่ยง

Exclusive News
- ดอลล์อ่อนค่าหลังแรงหนุนจากการประชุมเฟดจางหายไป: ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินในวันพฤหัสบดี โดยอ่อนลงจากระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ได้ แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเ ดือนธ.ค. ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งวัดค่าดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้า 6 สกุลเงินสำคัญปรับตัวลง 0.29% สู่ระดับ 92.238 ส่วนยูโรปรับตัวขึ้น 0.35% สู่ระดับ 1.1933 ดอลลา ร์
- ทองร่วงลงแตะจุดต่ำสุดเกือบ 4 สัปดาห์: ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐร่วงลง 9. 99 ดอลลาร์ หรือ 0.77 % สู่ 1,291.01 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดีหลังจากดิ่งลงแตะ 1,287.61 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุด ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค. โดยราคาทองไม่ได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค.ปีนี้

Smart Stock
Today Strategy : โดนทุบ
- หุ้นไทยยังปรับขึ้นต่อได้บางๆ ในช่วงเช้าก่อนมีแรงขายหนักในช่วงปิดตลาด เเรงซื้อคละกลุ่มอุตสาหกรรม หุ้นใหญ่ที่นำตลาดนิ่งๆ ไม่ค่อยมีเเรงซื้อขาย โดยภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังรักษาทรงการเคลื่อนไหวในเเนวโน้มด้านบนระยะกลางได้แต่ระยะสั้นถือว่าหลุดแล้ว โดยต้องมีความระมัดระวังเเรงขายพอสมควรเพราะการปรับขึ้นที่อาศัยปัจจัยภายนอกเเละความคาดหวังเป็นหลักในขณะที่มูลค่าพื้นฐานยังตามไม่ทันนั้นทำให้การปรับขึ้นมีลักษณะเปราะบางหากมีปัจจัยกระทบเข้ามาก็อาจทำให้มีเเรงขายหนักๆ ได้ด้านปัจจัยบวกภายในประเทศก็ยังพอมีอย่างเช่น sentiment ที่ได้รับเมื่อวันก่อนหน้าหลัง ครม.ผ่าน พรบ.EEC ซึ่งจะมีการประตุ้นเศรษฐกิจราวสามเเสนล้านบาทต่อปีเเละยังสามารถกระตุ้น GDP ได้ราวปีละ 1-1.5% เเละกระทรวง พาณิชย์เผยยอดส่งออกเดือนส.ค. มูลค่ากว่า 21,224 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบโต 13.2% สำหรับสัปดาห์หน้าประเทศไทยก็มีลุ้นจากการประชุม กนง. ในช่วงกลางสัปดาห์ซึ่งหลายฝ่ายก็มีความเห็นต่างๆ กันไปทั้งกระทรวงการคลังเเละธนาคารเเห่งประเทศไทย

Strategy : เปิดสถานะในกรอบ / ลงทุนอย่างมีสติ

ปัจจัยที่ต้องติดตาม
- การปรับสถานะของนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มกลับมาขายสุทธิ

ข่าวในประเทศ
-  หนี้เน่าสูงสุด 3% ไตรมาส 3: ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่าประเมินไตรมาส 3 ปีนี้ สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสถาบันการเงิน จะแตะจุดสูงสุดที่ 3% ของสินเชื่อคงค้างทั้งระบบ คิดเป็นมูลค่ากว่า 430,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้กว่า 80% มากจากลูกค้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการค้าขาย และการเกษตรเป็นหลัก รวมถึงสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะสินเชื่อบ้าน แต่ทั้งนี้ คาดว่า ไตรมาส 4 เอ็นพีแอลจะลดลงมาใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ที่ 2.83% จากการที่ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งเร่งแก้ไขเอ็นพีแอล ทั้งการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ ขายหนี้เสียให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ หรือตัดหนี้สูญทางบัญชี ซึ่งสะท้อนได้จากอัตราแก้ปัญหาหนี้เสียที่จะมีปริมาณมากช่วงไตรมาส 4 ของทุกปี หรือกว่า 92,000 ล้านบาท ต่อไตรมาส ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
- ซีอีโอห่วงเศรษฐกิจฟื้นช้า ชี้กำลังซื้อ-หนี้สินตัวฉุด: น.ส.สุมิตรา ตั้งสมวรพงษ์ ฝ่ายวิจัย สถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.ได้สำรวจความคิดเห็นผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน (ซีอีโอ) ทั้งใน ตลท. และ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ 119 บริษัท มีมูลค่าหลักทรัพย์รวม 38% ของมูลค่าหลักทรัพย์ เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนหลังของปี 60 นี้ พบว่าซีอีโอยังมีมุมมองในเชิงลบทีเกี่ยวกับเศรษฐกิจ และผลประกอบการของธุรกิจมากขึ้น เมื่อเทียบกับการสำรวจครั้งก่อน แต่ซีอีโอส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 60 มีแนวโน้มดีขั้น โดยคาดว่าจีดีพีจะเติบโต 3-4% ใกล้เคียงกับที่ธนาคารโลก และธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ไว้

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัสบดี ที่อาคารจัตุรัสจามจุรี ชั้นที่ 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
https://plus.google.com/114919553661509313835/posts
http://web.stagram.com/n/classicgoldgroup/
http://classicgoldfutures.blogspot.com
Application search CLASSIC GOLD ทั้ง iPhone และ Android

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น