วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 8 สิงหาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 8 สิงหาคม 2554
โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

ฝ่ายวิจัย CGF มองว่าราคาทองคำมีแนวรับที่1680/1,667 แนวต้านที่1,720 แนวโน้มราคายังเป็นช่วงขึ้นต่อเนื่องจากปัจจัยพื้นฐานสหรัฐ ที่S&P ปรับเครดิตสหรัฐ แนวโน้มสัญญาณระยะสั้นยังคงปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ทองคำและผลการทบจากการที่สหรัฐถูกปรับลดอันดับเครดิต

ราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าที่บริเวณ 1,692 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง1,691-1,715 USDต่อออนซ์ ราคาในช่วงกลางวัน วันที่ 8 ส.ค.มีการทำยอดสูงสุดใหม่ที่ 1,715 USDต่อออนซ์ แล้วปรับตัวลดลงที่ระดับ 1705 USD ต่อออนซ์ ราคามีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากจากประเด็น สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลง รวมถึงแนวโน้มการถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐ

ปัจจัยที่ผลักดันราคาทองให้เพิ่มขึ้นเหนือ 1,700 USD ต่อ ออนซ์ ในวันจันทร์ มาจาก การที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของสหรัฐลง 1 ขั้นจาก AAA สู่ AA+ อันเป็นผลจากความวิตกเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณและภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐ ซึ่งการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าว คาดว่าจะมีผลต่อการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาล, บริษัท และผู้บริโภค นอกเหนือจากการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงแล้วนั้น S&P ยังระบุถึงแนวโน้มในเชิงลบ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า อาจจะมีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงอีกในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า


นายลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส อดีตรมว.คลังสหรัฐ ระบุว่า มีโอกาส 1 ใน 3 ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะกลับเข้าสู่ภาวะถดถอย หากการคาดการณ์นี้เป็นจริงก็จะเกิดความตื่นตระหนกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและการคลังของสหรัฐในอนาคต ผลของความกังวลจากทั้งปัจจัยจากความวิตกต่อภาวะถดถอยในสหรัฐการลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ และปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรปทำให้ตลาดการเงินทรุดตัวลงอย่างหนัก ซึ่งนับว่าเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดครั้งหนึ่งนับตั้งแต่เลห์แมน บราเธอร์สล้มละลายในปี 2008 อันทำให้นักลงทุนพากันเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่เกิดความผันผวนทางการเงิน ได้แก่ ทองคำและ เงิน ฟรังก์สวิส ซึ่งทำให้ฟรังก์สวิสแข็งค่าแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ และทำให้ราคาทองพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ที่เหนือระดับ 1,700 ดอลลาร์/ออนซ์ในวันนี้

ข้อมูลของโกลด์แมนแซคส์บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐใกล้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วขณะที่แทบไม่มีสัญญาณที่ดีขึ้นในประเทศอื่นๆ โดยอิตาลีและสเปนใกล้เข้าสู่ภาวะอันตราย เศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัวลง และญี่ปุ่นอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวในเดือนมี.ค.ภาวะที่ซบเซากำลังส่งผลกระทบต่อธุรกิจทั่วโลก ขณะที่นักวิเคราะห์ได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออก

ขณะที่ รมว.คลังจากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ หรือจี-7ประกาศว่าจะดำเนินทุกมาตรการเพื่อรักษาให้ตลาดการเงินทรงตัว หลังจากที่เกิดความตื่นตระหนกต่อความขัดแย้งทางการเมืองในสหรัฐและยุโรป เกี่ยวกับการลดยอดขาดดุลงบประมาณจำนวนมหาศาล จากวิกฤติหนี้ที่รุนแรงขึ้น และตลาดหุ้นทรุดตัวลง ผู้นำกลุ่มจี-7ก็ได้ออกแถลงการณ์หลังการประชุมทางไกลว่า พร้อมจะดำเนินการเพื่อรับรองเสถียรภาพและสภาพคล่องในตลาดการเงิน

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

ราคาทองคำมีแนวรับที่1680/1,667 แนวต้านที่1,720 แนวโน้มราคายังเป็นช่วงขึ้นต่อเนื่องจากปัจจัยพื้นฐานสหรัฐ ที่S&P ปรับเครดิตสหรัฐ แนวโน้มสัญญาณระยะสั้นยังคงปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 39.0 และแนวต้านที่ 41.4 แนวโน้มราคากลับมาเป็นช่วงขาขึ้น

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th/
http://www.classicgold.co.th/
http://www.chiabsengheng.co.th/
http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgg
http://classicgoldfutures.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น