บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 23 สิงหาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)
ปรับฐานรอขึ้นต่อเนื่อง
ราคาราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าที่บริเวณ 1896 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง -1868- 1905 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวลดลงไปสู่ระดับ 1868 หลังตลาดหุ้นในยุโรปเปิด โดยมีประเด็นสำคัญที่น่าสนใจได้แก่
การปรับตัวลดลงของราคาทองคำในช่วงบ่ายวันที่ 23 สค. จากระดับ 1900 สู่ระดับ 1868 เนื่องจากการปรับตัว rebound ของตลาดหุ้นต่างประเทศ ส่งผลให้มีการทำกำไรจากการขายทองคำออกเพื่อนำเงินกลับไปช้อนซื้อหุ้นในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น เมิ่อราคาหุ้นปรับตัวลดลงหลายวันติดต่อกัน ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นในการซื้อขายช่วงบ่ายของวันที่ 23 สค. จากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่เพิ่มขึ้นตามราคาโลหะมีค่าที่เพิ่มขึ้นหลังการเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตของจีน ขณะที่นักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะส่งมีมาตรการใหม่เพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ณ เวลา 14.23 น.ตามเวลาไทย ดัชนี FTSEurofirst 300 เพิ่มขึ้น 1.76% อยู่ที่ 932.88 หลังจากปิดบวก 0.8% เมื่อวานนี้ ดัชนี STOXX Europe 600 สำหรับกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานดีดตัวขึ้นมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 2.6%
มีรายงานว่า นายเดเวน ชาร์มาประธานกรรมการบริษัทสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ จะลาออกจากตำแหน่ง ผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนนายชาร์มาคือนายดักลาส ปีเตอร์สัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของซิตี้แบงก์ ซึ่งอยู่ในเครือซิตี้กรุ๊ป หลังจากที่ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่สัปดาห์ S&P เพิ่งประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้รัฐบาลสหรัฐลงจากระดับสูงสุด AAA สู่ AA+ ซึ่งส่งผลตลาดหุ้นทั่วโลกทรุดตัวลง และก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างทางบริษัท S&P และกระทรวงการคลังสหรัฐเกี่ยวกับวิธีการคำนวณตัวเลขของ S&P
มีการคาดการณ์ถึงการปรับอัตราดอกเบี้ย RP ในไทยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) ระยะ 1 วันอีก 0.25% สู่ 3.50% ในวันพุธ 24 สค. ซึ่งจะเป็นระดับสูงสุด ในรอบ 3 ปี ในความพยายามควบคุมอัตราเงินเฟ้อ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้เป็นการปรับขึ้นเป็นครั้งที่ 9 ในการประชุมกนง. 10 ครั้งนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว จากระดับ 1.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เพื่อลดแรงกดดันด้านราคา กนง.มีแนวโน้มที่จะระบุย้ำถึงความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีรัฐบาลใหม่นำโดย พรรคเพื่อไทย ซึ่งต้องการที่จะกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจและ เพิ่มรายได้ โดยกนง.อาจส่งสัญญาณการคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไปในปีนี้ และย้ำว่ากำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิดต่อนโยบายการใช้จ่ายในระดับสูงของ รัฐบาล ตลาดพันธบัตรได้ปรับตัวรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ไปแล้ว ดังนั้น ผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรหรือค่าเงินบาทจึงมีแนวโน้มที่จะเป็นไป อย่างจำกัด แต่หากกนง.ตัดสินใจที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยก็อาจกระตุ้นแรงซื้อ พันธบัตร และหากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าคาด ก็อาจทำให้มีแรง ขายพันธบัตรและหุ้นออกมา และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะหนุนเงินบาทให้แข็งค่าขึ้นอีกด้วย
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,865 แนวต้านที่ 1,930 แนวโน้มราคาระยะสั้นคาดว่าราคาอาจปรับฐาน จากแรงขายทำกำไร และคาดว่าหลังจากปรับฐานแล้วมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นต่อได้อีก
ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 42.9 และแนวต้านที่ 44.3 แนวโน้มราคาระยะสั้นคาดว่า จะปรับฐาน
อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th/
http://www.classicgold.co.th/
http://www.chiabsengheng.co.th/
http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgg
http://classicgoldfutures.blogspot.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น