วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 16 สิงหาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 16 สิงหาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

ฝ่ายวิจัย CGF คาดว่าราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,738 แนวต้านที่ 1,783 แนวโน้มราคาผ่านช่วงปรับฐานแล้ว จาก MACD คาดว่าราคามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น

การแข็งค่าของ ยูโรในรอบ 3 สัปดาห์และแนวโน้มทางการออกพันธบัตรยุโรป

ราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าที่บริเวณ 1,762 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1,763-1,777 USDต่อออนซ์ โดยปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำในช่วงนี้ได้แก่ การแข็งค่าของค่าเงินยูโรดอลลาร์ การออกพันธบัตรยูโรเพือปัญหาหนี้ยุโรป แนวโน้มเงินเฟ้อจีนที่ปรับสูงขึ้น

ปัจจัยที่สนับสนุนราคาทองคำให้ขึ้นสูงในช่วงนี้ คาดว่าเป็นผลจากการอ่อนค่าของเงิน USD เนื่องจากการแข็งค่าของค่าเงินยูโร โดยเงินยูโรปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์เกี่ยวกับผลการประชุมในเชิงบวกในวันอังคารที่ 16 ส.ค.นี้ ระหว่างประธานาธิบดีนิโคลาส์ ซาร์โคซีของฝรั่งเศสและนางแองเจลา เมอร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีเพื่อหารือเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ยูโรโซน นักวิเคราะห์กล่าวว่า มีสัญญาณที่บ่งชี้ว่า เยอรมนีอาจผ่อนคลายจุดยืนต่อการคัดค้านการออกพันธบัตรยูโรโซน โดยก่อนหน้านี้กลุ่มธุรกิจชั้นนำของเยอรมนีเรียกร้องให้มีการออกพันธบัตรยูโรโซนร่วมกัน แม้รัฐบาลเยอรมนีจะคัดค้านก็ตาม ในด้านธนาคารกลางยุโรปแสดงความตั้งใจ ที่จะปกป้องอิตาลีและสเปน

นายสติกลิทซ์ ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ในปี 2001 วิเคราห์ว่า พันธบัตรยูโรสามารถเกิดขึ้นได้โดยมีข้อจำกัดและเงื่อนไขเพื่อยุติความล้มเหลวของระบบปล่อยกู้ในปัจจุบัน แนวคิดการออก "พันธบัตรยูโร" ถูกคัดค้านอย่างหนักจากเยอรมนีซึ่งวิตกว่า มาตรการดังกล่าวจะทำให้ต้นทุนการกู้ของเยอรมนีพุ่สูขึ้น และลดแรงจูงใจสำหรับประเทศในยูโรโซน อาทิ กรีซ ที่จะทำการปฏิรูปเศรษฐกิจ นายสติกลิทซ์ระบุว่า เยอรมนีจะได้รับ "ผลที่ร้ายแรงในภายหลัง"ถ้าประเทศที่มีปัญหาในยูโรโซนไม่สามารถชำระคืนเงินกู้ได้ และจะเป็นประโยชน์มากกว่าสำหรับการดำรงอยู่ของสกุลยูโร ถ้าเยอรมนีถอนตัวออกจากยูโร แทนที่จะเป็นประเทศที่มีปัญหา

ศูนย์สารนิเทศของรัฐบาลจีน คาดการณ์ อัตราเงินเฟ้อโดยเฉลี่ยของจีนมีแนวโน้มที่จะขยายตัวในไตรมาส 3 สู่ 6.2% จาก 5.7% ในไตรมาส 2 โดยเตือนว่า แรงกดดันด้านราคาอาหารจะยังคงดำเนินต่อไป เศรษฐกิจของจีนขยายตัว 9.5% ในไตรมาส 2 จากปีที่แล้ว ใกล้เคียงกับการขยายตัว 9.7% ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ อัตราเงินเฟ้อรายปีของจีนขยายตัวเกินคาด 6.5% ในเดือนก.ค.จาก 6.4%ในเดือนมิ.ย.
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการณ์ถูกคาดการณ์และจะเปิดเผยในรอบสัปดาห์ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านจะอยู่ที่ 0.600 ล้านยูนิตในเดือน ก.ค. ลดลงจาก 0.629 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. และตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างจะอยู่ที่ 0.605 ล้านยูนิตในเดือน ก.ค.ลดลงจาก 0.617 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. ดัชนี PPI ทั่วไปจะเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือน ก.ค. หลังลดลง 0.4% ในเดือน มิ.ย. ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้น 0.2%ในเดือน ก.ค. หลังเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือน มิ.ย. ราคานำเข้าจะลดลง 0.1% ในเดือนก.ค. หลังจากลดลง 0.5% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ราคาส่งออกจะเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค. หลังเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย. ยอดขายบ้านมือสองจะอยู่ที่ 4.90 ล้านยูนิตในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นจาก 4.77 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. ดัชนีแนวโน้มธุรกิจจะอยู่ที่ระดับ 3.7 ในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 3.2 ในเดือนก.ค. ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านจะอยู่ที่ 0.600 ล้านยูนิตในเดือนก.ค. ลดลงจาก 0.629 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. และตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างจะอยู่ที่ 0.605 ล้านยูนิตในเดือนก.ค.ลดลงจาก 0.617 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. โพลล์รอยเตอร์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจลดลง 300,000 บาร์เรล,สต็อกน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล, สต็อกน้ำมันเบนซินอาจลดลง1 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง 0.5% จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 ส.ค.จะอยู่ที่ 400,000 รายเพิ่มขึ้นจาก 395,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไปจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. หลังลดลง 0.2% ในเดือนมิ.ย. และดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. หลังเพิ่มขึ้น 0.3%ในเดือนมิ.ย.

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

ฝ่ายวิจัย CGF คาดว่าราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,738 แนวต้านที่ 1,783 แนวโน้มราคาผ่านช่วงปรับฐานแล้ว จาก MACD คาดว่าราคามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น
ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 38.9 และแนวต้านที่ 40.3 ราคามีแนวโน้มลดลงเข้าสู่ช่วงการปรับฐาน แต่หลังจากปรับฐานแล้ว คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นแบบ side way up

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgg
http://classicgoldfutures.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น