วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 5 สิงหาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 5 สิงหาคม 2554
โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

ราคาทองคำมีแนวรับที่1,630/1625 แนวต้านที่ 1,672 แนวโน้มราคาระยะยาวยังเป็นช่วงขาขึ้น แต่แนวโน้มระยะสั้น RSI กับ Scholastic ตัดกันที่สภาวะ overbought คาดว่าราคาจะลดลงเพิ่มอีกในอนาคต

เปิด short บริเวณแนวต้าน

ราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าที่บริเวณ 1649 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1649-1663 USDต่อออนซ์ ราคาในช่วงคืนวันที่ 4 สค มีการทำยอดสูงสุดใหม่ที่ 1684.90 USDต่อออนซ์ แล้วปรับตัวลดลงที่ระดับ 1642.2 และปิดที่ 1659.0 USDต่อออนซ์ ประเด็นที่น่าจะมีผลต่อราคาทองในช่วงนี้ ได้แก่ สถานการณ์การบริหารหนี้ของรัฐบาลอิตาลี การที่ธนาคารกลางหลายๆประเทศเริ่มเข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้น และ การที่ ECB จะดำเนินโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลในยูโรโซนอีกครั้ง

จากประเด็นเศรษฐกิจของอิตาลี นายกรัฐมนตรีซิลวิโอ เบอร์ลุสโคนีของอิตาลีออกมาให้สัญญาว่า เขาจะเร่งรัดการปฏิรูปเศรษฐกิจ และเรียกร้องให้หลายฝ่ายร่วมมือกันในการรับมือกับภาวะตลาดที่ผันผวน หลังจากอาจส่งผลให้อิตาลีเผชิญกับวิกฤติการเงินในแบบเดียวกับกรีซ อย่างไรก็ดี ฝ่ายค้านเรียกร้องให้นายเบอร์ลุสโคนีลาออกจากตำแหน่ง ในขณะที่ความสนใจมุ่งไปที่ความแตกแยกในรัฐบาลฝ่ายกลาง-ขวาของอิตาลี และความขัดแย้งระหว่างนายเบอร์ลุสโคนีกับนายจูลิโอ เตรมอนติ รมว.เศรษฐกิจอิตาลี

ธนาคารกลางของประเทศตลาดเกิดใหม่ได้ทำการซื้อทองคำเพิ่มมีมูลค่ามากกว่า1 หมื่นล้านดอลลาร์เพิ่อเป็นทุนสำรองของธนาคารกลางในปีนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณความเชื่อมั่นที่ปรับตัวลดลงในการถือครองพันธบัตรและสกุลเงิน ดอลลาร์และยูโร ทั้งนี้ข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) สำหรับเดือนมิ.ย.บ่งชี้ว่าไทยซื้อทองเป็นครั้งที่สองในปีนี้โดยเพิ่มการถือทองคำสำรองอีกเกือบ 19 ตันสู่ระดับสูงกว่า 127 ตัน ขณะที่รัสเซียซื้อทองอีก 5.85 ตัน ซึ่งทำให้ปริมาณทองคำสำรองอยู่ที่ 836.7 ตันซึ่งเป็นการถือครองทองคำระดับสูงสุดอันดับ 8 ของโลกนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ ธนาคารกลางของประเทศตลาดเกิดใหม่ได้ซื้อทองคำไปแล้วเกือบ 180 ตัน มากกว่า 2 เท่าของปริมาณราว 73 ตันที่ซื้อโดยธนาคารกลางทั่วโลกของทั้งปี 2010

กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีนเปิดเผยบนเว็บไซท์ว่า การผลิตทองของจีนในปีนี้พุ่งแตะระดับ 32,394 ตันในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น12.5% จากเดือนพ.ค.กระทรวงอุตสาหกรรมระบุว่า การผลิตทองทั้งหมดในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 3.25% สู่ 164.416 ตันจากปีก่อนจีนเป็นผู้ผลิตทองรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยผลิตทอง 340.880 ตันในปี 2010เพิ่มขึ้น 8.6% จากปี 2009


ภายหลังการประชุมเมื่อคืนวันพฤหัสบดี ECB จะดำเนินโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลในยูโรโซนอีกครั้ง หลังจากที่ได้ยุติโครงการดังกล่าวไปเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะยับยั้งการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป นอกจากนี้ ECB ยังประกาศขยายโครงการสินเชื่อระยะสั้นให้กับธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซนออกไปอีก 6 เดือน โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะเสริมสร้างสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์

อย่างไรก็ตาม ECBไม่ได้เปิดเผยแผนการเข้าซื้อพันธบัตรอิตาลีและสเปน แม้ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของอิตาลีอยู่ในระดับสูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของเยอรมนีก็ตาม โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของอิตาลีพุ่งขึ้นแตะระดับ 6.26% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มใช้สกุลเงินยูโรในปี 2542

ส่วนปัญหาเงินเฟ้อในยูโรโซน อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนที่พุ่งขึ้นถึง 2.5% ในเดือนก.ค.ทำให้ECBต้องจับตาสถานการณ์เงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจยูโรโซนมีความเสี่ยงมากขึ้น การแถลงโครงการซื้อพันธบัตรของECBมีขึ้นหลังจากคณะกรรมการบริหารของอีซี บีมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% เนื่องจากเศรษฐกิจยูโรโซนชะลอตัวลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์หน้า (8-12 ส.ค.) มีตัวเลขได้แก่ วันจันทร์ มีดัชนีแนวโน้มการจ้างงานเดือนก.ค. วันอังคาร มีข้อมูลที่มีการปรับทบทวนสำหรับประสิทธิภาพการผลิตและ ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 2/2011 ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ประกาศมติการประชุม กำหนดอัตราดอกเบี้ย ในวันพุธ มีข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนมิ.ย. งบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนก.ค. ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ ในวันพฤหัสบดีมีรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนมิ.ย.ในวันศุกร์มียอดค้าปลีกเดือนก.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนส.ค. ตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย.

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

ราคาทองคำมีแนวรับที่1,630/1625 แนวต้านที่ 1,670 แนวโน้มราคาระยะยาวยังเป็นช่วงขาขึ้น แต่แนวโน้มระยะสั้น RSI กับ Scholastic ตัดกันที่สภาวะ overbought คาดว่าราคาจะลดลงเพิ่มอีกในอนาคต ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 38.2 และแนวต้านที่ 40.2 แนวโน้มระยะสั้นคาดว่าจะปรับตัวลดตัวลงต่อเนื่อง


อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th/
http://www.classicgold.co.th/
http://www.chiabsengheng.co.th/
http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgg
http://classicgoldfutures.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น