บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 11 สิงหาคม 2554
โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด(ช่วงเย็น)
ฝ่ายวิจัย CGF คาดว่า ราคาทองคำมีแนวรับที่1,750 แนวต้านที่ 1,814/1,820 แนวโน้มราคามีการปรับฐานและใกล้จะปรับตัวลดลง
การปรับเพิ่ม Margin ในตลาด Comex
ราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าที่บริเวณ 1,796 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง1,774-1,798 USDต่อออนซ์ ราคาทองลดลงจากสถิติสูงสุดในช่วงเช้าวันที่ 11 ส.ค. หลังจากบริษัทซีเอ็มอี กรุ๊ปปรับขึ้น Initial Margin สัญญาทองล่วงหน้าในตลาด COMEX แต่ว่าราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนต่อไปจากภาวะผันผวนในตลาดการเงินโลก และจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ณ เวลา 09.45 น. วันที่ 11 ส.ค. ตามเวลาไทย ราคาทองสปอตอยู่ที่ 1,782.79ดอลลาร์/ออนซ์ หลังขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1,813.79 ดอลลาร์/ออนซ์ ราคาทองสปอตและสัญญาทองล่วงหน้าต่างปรับตัวลง หลังจากซีเอ็มอี กรุ๊ปประกาศว่า ทางบริษัทได้ปรับขึ้นค่ามาร์จินในสัญญาทองล่วงหน้าของสหรัฐในอัตรา 22.2 % ส่งผลให้ราคาทองร่วงลงต่ำกว่าระดับ 1,800 ดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าน่าส่งผลให้ราคาทองคำในไทยปรับลดลงตามไปด้วยในไม่ช้า ส่วนค่าเงินดอลลาร์ก็ปรับตัวลดลง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้สัญญาว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับใกล้ 0 % ต่อไปอีก 2 ปี ขณะที่ฟรังก์ สวิสอ่อนลงเพียงเล็กน้อย หลังจากทางการสวิตเซอร์แลนด์ดำเนินมาตรการสกัดกั้น การแข็งค่าของฟรังก์สวิส
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะดำเนินมาตรการ QE3 ทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ถ้าหากเศรษฐกิจยังคงชะลอตัวลงต่อไป อย่างไรก็ตาม เฟดระบุว่ากำลังสำรวจทางเลือกอื่นๆเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ถ้าหากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐชะลอตัวลงต่อไปและอัตราการว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง ก็มีแนวโน้มว่านายเบน เบอร์นันเก้ประธานเฟดจะดำเนินมาตรการใหม่ ถึงแม้ว่าสมาชิกบางคนในคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) คัดค้านเขาก็ตาม โดยเฟดได้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0 % มาเป็นเวลานานแล้วและได้เข้าซื้อพันธบัตรไปแล้ว 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมา
โกลด์แมน แซคส์มองว่า มีโอกาสสูงกว่า 50 % ที่เฟดจะดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (QE3) ในช่วงต่อไปในปีนี้หรือในช่วงต้นปี 2012 และระบุเสริมว่า FOMC อาจจะผ่อนคลายนโยบายลงต่อไป ถ้าหากการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของเฟดปรับเปลี่ยนไปในทางลบ
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันที่ 11 สค. – 12 สค. คาดไว้ว่าสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.0%ในเดือนพ.ค. คาดว่าดัชนี NAHB จะอยู่ที่ระดับ 15 ในเดือนส.ค. ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับ 15 ในเดือนก.ค. คาดว่าราคานำเข้าจะลดลง 0.1% ในเดือนก.ค. หลังจากลดลง 0.5% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ราคาส่งออกจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. หลังเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย. คาดว่ายอดขายบ้านมือสองจะอยู่ที่ 4.90 ล้านยูนิตในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นจาก 4.77 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย.. คาดว่าดัชนีชี้นำเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย. คาดว่าดัชนี CPI ทั่วไปจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. หลังลดลง 0.2% ในเดือนมิ.ย. และดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. หลังเพิ่มขึ้น 0.3%ในเดือนมิ.ย.
วิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาทองคำมีแนวรับที่1,750 แนวต้านที่ 1,814/1,820 แนวโน้มราคามีการปรับฐานและใกล้จะปรับตัวลดลง
ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 36.9 และแนวต้านที่ 40.8 แนวโน้มราคามีการ rebound แต่จากสัญญาณทางเทคนิคมองว่าราคามีลักษณะ side way
อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th/
http://www.classicgold.co.th/
http://www.chiabsengheng.co.th/
http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgg
http://classicgoldfutures.blogspot.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น