วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

บทวิเคราะห์ Gold Futures Strategy Report ประจำสัปดาห์ที่ 9 - 13 ธันวาคม 2556 โดยบริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด

สัปดาห์ที่ผ่านมา (2-6 ธ.ค.)  ราคาทองคำปรับตัวลดลง 23.75 USDต่อออนซ์ (-1.90%) มาปิดที่ 1,228.24 USDต่อออนซ์  มีความเคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวนในลักษณะ sideway ระหว่าง 1,211–1,251 USDต่อออนซ์ โดยมีการทำจุดต่ำสุดของรอบ เนื่องจากได้รับผลลบอย่างมากจากการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมทั้ง 2 ตัว ที่พุ่งเกิน 2 แสนตำแหน่ง และการลดลงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 5 ปี ของอัตราการว่างงานทั่วประเทศที่ 7% ก่อนที่ราคาทองคำจะแสดงการรีบาวน์ทางเทคนิคขึ้นมาได้กว่า 50 USDต่อออนซ์ ในสัปดาห์นี้  แต่อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของราคายังคงอยู่ใต้แนวโน้มขาลงที่มีแนวต้านบริเวณ 1,300 USDต่อออนซ์ ซึ่งจากตัวชี้วัดสภาวะตลาดแรงงานทั้ง 3 ตัวข้างต้นนั้น ได้เพิ่มคาดหวังให้กับตลาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) อาจตัดสินใจเริ่มต้นปรับลดวงเงินอัดฉีดผ่านมาตรการ QE ได้ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(FOMC) วันที่ 17-18 ธ.ค.  นอกจากนี้ พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันแล้ว ทำให้กำหนดการณ์เส้นตายใหม่ของการใช้จ่ายตามงบประมาณประจำปีนี้ของสหรัฐที่ถูกเลื่อนไปชั่วคราวเป็นวันที่ 15 ม.ค. ได้ถูกยกเลิก และรับประกันว่าจะไม่เกิดปัญหาการตัดลดรายจ่ายลงโดยอัตโนมัติ(sequester) เป็นเวลา 2 ปี  ซึ่งก็ยิ่งทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น ในขณะที่โลหะมีค่าถูกลดความสำคัญลงในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ทำให้ราคาทองคำยังคงถูกกดดันอย่างต่อเนื่องต่อไปในปีหน้าด้วยจนถึงปีใหม่  

SPDR Gold Trust กองทุน ETF ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (2-6 ธ.ค.)  ขายทองคำทั้งสิ้น 7.5 ตัน รวมสถานะถือทองคำเมื่อสิ้นสุดสัปดาห์ (2 ธ.ค.) และต่อเนื่องถึงวานนี้ (10 ธ.ค) ทั้งสิ้น 835.71 ตัน  โดยมีความถี่ในการขายสุทธิเพียง 2 วันทำการ เท่ากับในสัปดาห์ก่อนหน้า บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของแรงขาย ทั้งในแง่ของปริมาณและการส่งคำสั่ง  อย่างไรก็ตาม ปริมาณทองคำในพอร์ตของกองทุนได้ลดลงอย่างต่อเนื่องจนล่าสุดแตะระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่สิ้นเดือน ม.ค.2552 ซึ่งราคาทองคำอยู่ที่ต่ำกว่า 900 USDต่อออนซ์  บ่งชี้ถึงมุมมองของนักลงทุนรายใหญ่ในตลาดที่มีการปรับพอร์ตลงทุนด้วยการโยกเม็ดเงินออกจากทองคำ เนื่องจากขาดความเชื่อมั่นต่อการทำกำไรในระยะกลาง  ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ของตลาดว่า Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ต่อไป แม้ว่าจะมีการปรับลดวงเงินอัดฉีดผ่านมาตรการ QE แล้วก็ตาม ทำให้เงินยังคงไม่ไหลกลับมาหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างโลหะมีค่าไปจนกว่า sentiment ทางเศรษฐกิจจะมีการเปลี่ยนแปลง

รายงานการถือครองสถานะสัญญาล่วงหน้าทองคำในตลาด COMEX รายสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 3 ธ.ค. พบว่า มีสถานะคงค้าง(Open Interest) 386,436 สัญญา ลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันอีก 7,996 สัญญา  โดยสถานะซื้อสุทธิของนักลงทุนกลุ่ม Non-Commercial ลดลงมาเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกันแล้ว อีก 3,864 สัญญา เหลือเพียง 22,691 สัญญา เกือบถึงระดับต่ำสุด 20,751 สัญญา ที่ทำไว้ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับสถานะขายสุทธิของนักลงทุนกลุ่ม Commercial ที่ลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 อีก 5,937 สัญญา เหลือเพียง 22,299 สัญญา ใกล้เคียงกับช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.ที่ผ่านมา  ซึ่งจากรายงานดังกล่าว บ่งชี้ถึงภาวะที่ซบเซามากขึ้นของตลาดทองคำ สอดคล้องกับราคาที่ร่วงลงทำจุดต่ำสุดใหม่อย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว และแม้ราคาจะดีดกลับขึ้นมาได้ราว 50 เหรียญ แต่ก็ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่าภาวะซบเซาในอนาคต จะหดหายไป เนื่องจากลักษณะของการดีดตัวเป็นเพียงการรีบาวน์ทางเทคนิคเท่านั้น ไม่ได้เปลี่ยนแปลงทิศทางหลักให้กลับตัวไปเป็นแนวโน้มขาขึ้นได้  จึงคาดว่านักลงทุนทั้ง 2 กลุ่ม จะยังคงรักษาสถานะการถือครองสัญญาในระดับต่ำนี้ต่อไป โดยเน้นการเก็งกำไรระยะสั้นและถือสัญญาเพื่อป้องกันความเสี่ยงเป็นหลักจนกว่า sentiment ทางเศรษฐกิจจะมีการเปลี่ยนแปลง

ประเด็นที่ต้องติดตามในรอบสัปดาห์  ได้แก่  
- สถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองในประเทศไทย ยังไม่สิ้นสุด แม้รัฐบาลได้ยุบสภาและกำหนดวันเลือกตั้งใหม่แล้ว ส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ทำให้เงินบาทอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่า และเพิ่มความเสี่ยงให้เงินทุนไหลออกอีก รวมทั้งยังชะลอการไหลเข้าของเงินตราต่างประเทศผ่านการลงทุนระยะยาว การท่องเที่ยว และรายได้จากการส่งออก  ทั้งนี้ แกนนำผู้ประท้วงมีการประกาศยกระดับการต่อต้านรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถระดมมวลชนได้มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ในขณะที่รัฐบาลรักษาการเริ่มส่อเค้าถึงการเดินเกมรุกกลับอย่างชัดแจ้งมากขึ้น ทำให้มีความเสี่ยงที่อาจเกิดการเผชิญหน้า

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้  ได้แก่  
- วันพุธ  ยอดสต็อกน้ำมัน รายสัปดาห์, ดุลบัญชีงบประมาณของรัฐบาล เดือน พ.ย.

- วันพฤหัสบดี  ยอดค้าปลีก (ไม่รวมยานพาหนะ) เดือน พ.ย., ยอดค้าปลีก เดือน พ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน รายสัปดาห์, ดัชนีราคาสินค้านำเข้า เดือน พ.ย., ยอดสต็อกสินค้า ภาคค้าธุรกิจ เดือน ต.ค.

- วันศุกร์  ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือน พ.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน) เดือน พ.ย.

ภาพทางเทคนิคราคาทองคำรายสัปดาห์ (2-6 ธ.ค.) :  หลังจากที่ราคาทองคำแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,211-1,250 ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำได้เลือก breakout ในฝั่งขาขึ้น โดย macd line ได้ตัดขึ้นเหนือเส้น signal เป็นครั้งแรกในรอบ 1 เดือน ประกอบกับ macd histogram เกิดสัญญาณ bullish divergence ในก่อนหน้านี้ ทำให้สัญญาณที่เกิดขึ้นมีโอกาสเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการกลับตัวได้ ในด้านของ RSI ไม่ได้บอกอะไรมากนัก โดยขณะนี้ RSI ไม่ได้อยู่ทั้งในเขต overbought และ oversold ทำให้ความน่าจะเป็นที่ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นหรือลดลงมีเท่าๆกัน สำหรับสัปดาห์นี้ให้แนวต้านระยะสัปดาห์ที่บริเวณ 1,265/1,275/1,290 และแนวรับระยะสัปดาห์ที่บริเวณ 1,255/1,242/1,225  แนะนำ trading ในกรอบ

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัสบดี ที่อาคารจัตุรัสจามจุรี ชั้นที่ 12 
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
https://plus.google.com/114919553661509313835/posts
http://web.stagram.com/n/classicgoldgroup/
http://classicgoldfutures.blogspot.com
Application search CLASSIC GOLD ทั้ง iPhone และ Android 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น