วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 23 กันยายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 23 กันยายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)


++  ราคาทองคำมีแนวรับที่  1,704   1,680   แนวต้านที่  1,740  – 1,745    1,758    มีเส้นค่าเฉลี่ย  25 วัน กดไว้  ราคาจะ
       ลงต่อ  และเคลื่อนไหวในกรอบ  DownTrend


ราคาทองลงต่อ

              ราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าที่บริเวณ 1,736 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง   1,720 – 1,754 USD ต่อออนซ์  เมื่อวันพฤหัสที่ 22 ก.ย.ราคาปรับตัวลดลงหลุดกรอบสามเหลี่ยม  ทำให้คาดว่าราคาจะปรับตัวลดลงต่อไปอีก แม้ว่าในบางช่วงอาจมีการ rebound ขึ้นมาใกล้แนวต้าน อย่างเช่น   ในช่วงเช้า – บ่ายของวันศุกร์  ราคาสร้างฐานระยะสั้นที่ 1,720 และราคาได้วิ่งไปถึง 1,754 ติดแนวต้าน เส้น Moving 34 วัน แต่เมื่อถึงแนวต้านมีแรงขายทำกำไรออกมาอีก  สำหรับปัจจัยที่นักลงทุนต้องจับตามองและคาดว่าจะมีผลกระทบต่อราคาทองคำในช่วงนี้ ได้แก่  สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรป ปัญหาหนี้ของกรีซ   มูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือธนาคารกรีซ สัญญาณทางเศรษฐกิจที่แสดงว่าเศรษฐกิจชะลอตัวลงในหลายประเทศ

              เศรษฐกิจยุโรป เมื่อวานนี้ว่า ผู้นำยุโรปจะไม่เปิดโอกาสให้กรีซผิดนัดชำระหนี้อย่างปราศจากการควบคุม และจะไม่ปล่อยให้กรีซถอนตัวออกจากยูโรโซน อย่างไรก็ดี ก็ไม่ได้ตัดโอกาสในการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซ และนักเศรษฐศาสตร์หลายรายก็มองว่าการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และสหภาพยุโรปเปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์ของยุโรปมีความอ่อนแอและต้องเพิ่มทุน โดยมีธนาคารของยุโรป 16 แห่งที่จำเป็นต้องเพิ่มทุน   ในจำนวนนี้มีธนาคาร 8 แห่งที่ไม่สามารถผ่านการทดสอบภาวะวิกฤติ จำเป็นต้องเพิ่มทุนโดยเร็ว  โดยต้องเพิ่มทุนเพียง 2.5 พันล้านยูโร อย่างไรก็ดีตัวเลขดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำเกินไป และเป็นตัวเลขที่ถูกบิดเบือนเนื่องจากปัจจัยทางการเมือง


             
IMF แถลงว่า วิกฤติหนี้ยุโรปส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ในยุโรปเผชิญความเสี่ยงเพิ่มขึ้นมูลค่า 3 แสนล้านยูโร ระบุว่า 6 หมื่นล้านยูโรมาจากพันธบัตรรัฐบาลกรีซ, 2 หมื่นล้านยูโรมาจากไอร์แลนด์และโปรตุเกส, 1.20 แสนล้านยูโรมาจากเบลเยียม, สเปน และอิตาลี ส่วนขนาดความเสี่ยงอีก 1 แสนล้านยูโรเกิดจากการลดลงของราคาสินทรัพย์ธนาคาร และการพุ่งขึ้นของต้นทุนการระดมทุนของธนาคาร  IMF ชี้ว่าธนาคารยุโรปจำเป็นต้องเพิ่มทุนเพื่อเป็นการรับประกันว่าทางธนาคารจะสามารถรับมือกับความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นและความเสียหายอาจลุกลามออกจากยุโรปเข้าสู่ธนาคารของประเทศตลาดเกิดใหม่  โดยช่วงต้นเดือนนี้ว่าควรมีการบังคับให้ธนาคารยุโรปดำเนินการเพิ่มทุน

               ปัญหาหนี้ของกรีซ มูดี้ส์ ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารกรีซ 8 แห่งลง 2 ขั้น เนื่องจากเศรษฐกิจกรีซอ่อนแอและเงินฝากลดต่ำลง การปรับลดอันดับในครั้งนี้เป็นผลจากการทบทวนที่เริ่มต้นในวันที่ 25 ก.ค.54 โดยปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารเนชั่นแนล แบงก์ ออฟกรีซ (NBG), อีเอฟจี ยูโรแบงก์ เออร์กาเซียส, แอลฟา แบงก์, พิแรอุสแบงก์, อากริคัลเจอรัล แบงก์ ออฟ กรีซ (ATE) และแอตติกา แบงก์ ลงสู่ Caa2 จากเดิมที่ B3 และลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารเอ็มโพริกิ แบงก์ ออฟกรีซ และเจเนอรัล แบงก์ ออฟ กรีซ (เจนิกิ) ลงสู่ B3 จากเดิมที่  B1

             เศรษฐกิจสหรัฐ Fed ได้ออกมาประกาศว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมีความเสี่ยงในช่วงขาลง นักเศรษฐศาสตร์ยังคงคาดว่ามีโอกาส 1 ใน 3 ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยภายใน 1 ปีและมาตรการที่เพิ่งประกาศออกมาจะมีผลน้อยและช้าเกินไป โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะโตเพียง 0.5% และอัตราการว่างงานจะลดลงเพียง 0.1% ภายในปี 2015
 
             เศรษฐกิจโลกส่งสัญญาณชะลอตัว ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนเดือนก.ย.54 หดตัวลงเป็น 49.4 จาก 49.9 ในเดือนส.ค.54 ซึ่งเป็นการชะลอตัวลงมาแล้วติดต่อกัน 3 เดือน แต่เงินกลับเฟ้อมากขึ้น ทำให้เกิดความกังวลว่าจีนจะไม่สามารถช่วยหนุนเศรษฐกิจโลกในช่วงที่สหรัฐและยุโรปเผชิญกับวิกฤติ    ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการของเยอรมนีร่วงลงสู่ระดับ 50.8 จุดในเดือนก.ย.54 ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.52 และลดลงจากเดือนส.ค.54 ที่ระดับ 51.3 จุด ยอดสั่งซื้อใหม่ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการของฝรั่งเศสร่วงลงอย่างหนักในเดือนก.ย.เช่นกัน สำหรับดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของยูโรโซนร่วงลงสู่ 49.2 ในเดือนก.ย.54 จาก 50.7 ในเดือนส.ค.54 นับเป็นเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีที่ดัชนี PMI หดตัว  ซึ่งการชะลอตัวของตัวเลขทั้งสหรัฐ  จีน  ยุโรปทำให้เกิดแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงที่อิงตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ อาทิ หุ้น, น้ำมันดิบ และสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ ในวันพฤหัสและศุกร์ตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดหุ้นทั่วโลกเกิดแรงขายอย่างหนัก ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้นักลงทุนเทขายทองคำเพื่อชดเชยการขาดทุนในหุ้ย และเข้าถือเงินสกุลดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพยปลอดภัย
การประชุมที่น่าติดตาม
1  กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา 19 ประเทศรวมทั้งสหภาพยุโรป (จี-20)
2  วันนี้จะมีการประชุม BRIC (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน) และแอฟิกาใต้ที่กรุงวอชิงตัน เพื่อพิจารณาข้อเสนอของ   
    ทางบราซิลในการเข้าซื้อพันธบัตรของประทเศในยูโรโซน ซึ่งหากมีมาตรการที่ชัดเจนจะส่งผลลบต่อราคาทองได้

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++  ราคาทองคำมีแนวรับที่  1,704   1,680   แนวต้านที่  1,740  – 1,745    1,758    มีเส้นค่าเฉลี่ย  25 วัน กดไว้  ราคาจะลงต่อ  และเคลื่อนไหวในกรอบ  DownTrend 
++  ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่  32.3   31 และแนวต้านที่  35  36.5   ในราย Day  ราคาหลุด เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน  ลงมา  แนวโน้มราคาลงไปที่ Low ในอดีดที่ราคา  32.3   31
 
อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgg
http://classicgoldfutures.blogspot.com


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น