วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 20 กันยายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 20 กันยายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)


ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,760 1,740 แนวต้านที่ 1,815 1,822 1,833 ระยะสั้นมีแนวโน้ม Rebound จากสัญญาณ Macd ยก low จากยอดก่อนหน้า และ Stochastic กำลังตัดขึ้น แต่ยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ DownTrend Line

ราคาทองผันผวนเคลื่อนไหวตรงข้ามกับค่าเงินดอลล่าร์

ราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าที่บริเวณ 1,778 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1,774 – 1,785 USDต่อออนซ์ ราคาได้ลดลงหลังจากไปติดแนวต้าน 1,827 USDต่อออนซ์เมื่อวันจันทร์ ส่วนปัจจัยที่นักลงทุนต้องจับตามองและคาดว่าจะมีผลในช่วงนี้ ได้แก่ ปัญหาหนี้ของกรีซ S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีลง 1 อันดับ แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของโอบาม่า และความต้องการใช้ทองคำของจีนในปีนี้

ปัญหาหนี้สินของกรีซ กลุ่มเจ้าหนี้ต่างชาติให้กรีซลดการใช้จ่ายภาครัฐบาลและต้องปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเพื่อที่จะไม่ต้องผิดนัดชำระหนี้ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และIMF เปิดเผยว่าเศรษฐกิจกรีซในปี 54 อาจจะหดตัวลง 5.5% ยิ่งเป็นการเพิ่มภาระให้กับความพยายามของกรีซในการนำพาประเทศซึ่งประสบกับภาวะหนี้สินให้สามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้

S&P ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือหนี้สินต่างประเทศของอิตาลี จากปัจจุบัน A+ เป็น A โดยยังมีมุมมองต่อเศรษฐกิจอิตาลีในเชิงลบ พร้อมกับทำการปรับลด GDP Growth ของอิตาลีจากเดิม 1.3% เหลือ 0.7% ทั้งนี้เนื่องจากอิตาลี เป็น 1 ในประเทศ 5 ประเทศ (PIIGS) ที่มีปัญหาขาดดุลงบประเทศเรื้อรัง และทำให้มีการก่อหนี้สาธารณะสะสมจนปัจจุบันสูง 2.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 120% ต่อ GDP เป็นที่สังเกตว่ายอดหนี้สาธารณะของอิตาลีมีสัดส่วนสูงถึง 58% ของหนี้สาธารณะในกลุ่ม PIIGS (รวม 4.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ) ทำให้ราคาทอง rebound ขึ้นช่วงสั้น


สภาทองคำโลกเปิดเผยว่า อุปสงค์ทองของจีนอาจจะเพิ่มขึ้น 10% หรือราว 70 ตันในปีนี้ ขณะที่กลุ่มผู้บริโภคเลือกทองเป็นการปกป้องความมั่งคั่งรูปแบบหนึ่ง
สำหรับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของโอบามา ไม่ได้ส่งผลบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงเท่าที่ควร โดยโอบาม่า ประกาศลดยอดขาดดุลงบประมาณลง 3.6 ล้านล้านดอลลาร์ภายในระยะ 10 ปี พร้อมกับเสนอแผนลดตัวเลขหนี้สินมูลค่ารวม 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ โดยจะครอบคลุมถึงการขึ้นภาษี แต่ตลาดไม่เชื่อว่าจะสามารถผ่านสภาได้เนื่องจากรีพับลิกันคัดค้านนโยบายการขึ้นภาษีมาตลอด เป็นที่คาดกันว่ายอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐอาจอยู่ที่ราว 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2011 และหนี้สินของสหรัฐมีขนาดราว 14.7 ล้านล้านดอลลาร์ โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต้องอาศัยการปรับงบรายจ่ายและกฎหมายภาษี

เรื่องการประชุมเฟดในวันที่ 20 – 21 ก.ย. ในเบื้องต้นตลาดคาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจจะเป็นการเพิ่มอายุพันธบัตรในพอร์ตของเฟดให้มีอายุยาวขึ้น โดยการขายพันธบัตระยะสั้นและซื้อพันธบัตรระยะยาวแทน แต่ไม่ได้มีการเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตร โดยหากมีมาตรการดังกล่าวเข้ามาจริงจะส่งผลบวกต่อทองคำน้อยกว่าการออก QE1 และ QE2 โดยนักวิเคราะห์บางรายมองว่าแผนการจ้างงานมูลค่า 4.47 แสนล้าน US$ ของรัฐบาลสหรัฐเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เพิ่มเข้ามาแล้ว ดังนั้นเฟดอาจไม่ออก QE3 ก็ได้

ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม กระทรวงพาณิชย์สหรัจะเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาติก่อสร้างเดือนส.ค. คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยวันแรกดัชนีชี้นำเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,760 1,740 แนวต้านที่ 1,815 1,822 1,833 ระยะสั้นมีแนวโน้ม Rebound จากสัญญาณMACD ยก low จากยอดก่อนหน้า และ Stochastic กำลังตัดขึ้น แต่ยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ DownTrend Line
ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 39.3 และแนวต้านที่ 41.4 แนวโน้มระยะสั้น คาดว่าจะยังปรับตัวลดลงต่อเนื่อง

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th/
http://www.classicgold.co.th/
http://www.chiabsengheng.co.th/
http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgg
http://classicgoldfutures.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น