วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 29 มกราคม 2556 ช่วงเย็น


บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 29 มกราคม 2556 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น) 

ราคาทองคำเปิดตลาดเอเชียที่ 1,658 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวระหว่าง 1,657-1,665 USDต่อออนซ์ ซึ่งการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สร้างความประหลาดใจให้
กับนักลงทุนเมื่อคืนนี้ ได้สร้างความผันผวนให้กับราคาทองคำจนลงไปทดสอบบริเวณแนวรับสำคัญที่ 1,650 USDต่อออนซ์ และดีดกลับขึ้นมาได้ในวันนี้ 
โดยแกว่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เปิดตลาดเช้าที่ออสเตรเลีย และสร้างจุดสูงกว่าจุดสูงสุดของการซื้อขายวานนี้ โดยมีปัจจัยทางเทคนิคสนับสนุน อย่างไรก็ตาม 
นักลงทุนกำลังรอผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(FOMC) ในวันที่ 29-30 ม.ค. คาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม แต่ประเด็นสำคัญที่ถูกจับตามอง 
คือ ความคิดเห็นต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐและการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน ซึ่งตลาดค่อนข้างเป็นกังวลมากว่าเฟดอาจลดหรือยกเลิก QE ก่อนกำหนด 
และจะส่งผลลบอย่างมากต่อราคาทองคำด้วย ทำให้ในช่วงก่อนที่เฟดจะออกมาแถลงในคืนวันพุธ ราคาทองคำอาจแสดงการรีบาวน์เพียงระยะสั้นในกรอบจำกัดเท่านั้น 
จึงยังคงเน้นสะสม long หากราคายืนเหนือระดับ 1,650 USDต่อออนซ์ แต่หากหลุดแนวรับดังกล่าว ก็จำเป็นต้องขายตัดขาดทุนออกมาดูสถานการณ์ก่อน

นักเศรษฐศาสตร์สหรัฐมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปี 2556 โดยคาดว่าอัตราการเติบโตจะอยู่ที่ 2-4% 
จากผลสำรวจรายไตรมาสของสมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐ(NABE) โดยครึ่งหนึ่งจากนักเศรษฐศาสตร์ 65 คน มีความเห็นว่าเศรษฐกิจจะเติบโตในช่วง 
2-4% ในขณะที่มีเพียง 36% ที่ระบุเช่นนี้ในการสำรวจเมื่อ 3 เดือนก่อน ส่วนนักเศรษฐศาสตร์อีกครึ่งหนึ่งคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวต่ำกว่า 2% ส่วนผลการสำรวจบริษัท 
พบว่า 34% คาดว่าจะจ้างงานเพิ่มขึ้นในช่วง 6 เดือนข้างหน้า และ 13% คาดว่าจะลดจำนวนพนักงานลง

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐจะคงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0-0.25% ในการประชุม 2 วัน 
ซึ่งจะสิ้นสุดในวันพุธนี้ และคาดว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าหนุนเศรษฐกิจ เพื่อให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจสามารถกู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงต่อไปอีกในวันข้างหน้า 
แม้ว่าอัตราว่างงานจะลดลงอย่างมากก็ตาม

กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป(ESM) อนุมัติเงินช่วยเหลืองวดที่ 2 แก่ธนาคารสเปน จำนวน 1.865 พันล้านยูโร (2.7 พันล้านดอลลาร์) 
ซึ่งเงินจำนวนนี้ได้รับความเห็นชอบจากยูโรกรุ๊ปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และจะมีการจัดสรรแก่ธนาคารสเปนในกลุ่มที่ 2 ในวันที่ 6 ก.พ. โดยกลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือ
ทางการเงิน แต่ไม่จำเป็นต้องมีการแปรรูปกิจการเหมือนในกลุ่มที่ 1

อัตราเงินเฟ้อของสเปนในปี 2555 อยู่ที่ 2.4% โดยอ้างอิงจากค่าเฉลี่ยของดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ซึ่งเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากต้นทุนค่าขนส่งและราคา
ที่อยู่อาศัยที่สูงขึ้น


ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคฝรั่งเศสในเดือน ม.ค.ทรงตัวที่ 86 จากเดือน ธ.ค. เช่นเดียวกับมุมมองต่อฐานะการเงินส่วนบุคคลในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา 
ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงที่ระดับ -29 จากเดือนที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ดัชนีคาดการณ์ฐานะการเงินในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ลดลงเล็กน้อย แตะ -24 จาก -23 ในเดือน ธ.ค. 
ส่วนมุมมองเกี่ยวกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นแตะ -68 จาก -69 ในเดือน ธ.ค. แต่ดัชนีคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในช่วง 12 เดือนข้างหน้าลดลงที่ -55 
จาก -53 ในเดือน ธ.ค.

ธนาคารกลางอินเดียประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 7.75% หลังจากอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง นับเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 
9 เดือน โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศซึ่งขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดในรอบ 10 ปี ทั้งนี้ ธนาคารกลางอินเดียได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในปีงบประมาณ 
2555-2556 ลงมาอยู่ที่ 5.5% จากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะขยายตัว 6.5%

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม  ได้แก่
21:00 ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในเขต 20 เมืองใหญ่ เดือน พ.ย.  –  เป็นดัชนีประเมินสภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญ มีความเกี่ยวข้องกับระดับความ
เชื่อมั่น, ความมั่งคั่ง และการใช้จ่ายของประชาชน โดยวิกฤติซับไพรม์ทำให้ราคาบ้านตกลงเรื่อย ๆ ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้ราคาจะยังไม่ฟื้นตัวมากนักก็ตาม 
แต่ก็เริ่มทรงตัวได้ โดยคาดว่าอานิสงค์จากมาตรการ QE3-4 จะช่วยหนุนให้ดัชนีดังกล่าวปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่จะส่งผลลบต่อราคาทองคำ

22:00 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ม.ค.  –  สำรวจความคิดเห็นในปัจจุบันและการคาดการณ์ในอนาคตของครัวเรือนเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจ, 
รายได้, การมีงานทำ, ฯลฯ ทั้งนี้ ปัจจุบัน ดัชนีมีค่าทรงตัวในระดับกลาง ๆ ที่ 60-80 ซึ่งฟื้นขึ้นมาจากวิกฤติซับไพรม์ โดยหากประกาศออกมาใกล้กับที่คาดการณ์ 
จะส่งผลต่อราคาทองคำเล็กน้อย และหากเกิน 75 จะส่งผลลบต่อราคาทองคำอย่างมาก แต่ถ้าหากต่ำกว่า 60 จะส่งผลบวกอย่างมากแทน

  ทองคำ  macd และ rsi ในกราฟราย 1 ชม. ดีดกลับตามสัญญาณ divergence ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดีของการกลับตัวเป็นขาขึ้น แต่เนื่องจากปริมาณการซื้อขาย
ยังไม่มาก แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ตลาดทองคำในระยะสั้น ดังนั้น ในคืนนี้จึงต้องดูว่าราคาสามารถยืนเหนือระดับ 1,660 ได้หรือไม่ 
เพื่อลุ้นให้ดีดกลับได้ต่อเนื่อง โดยยังคงต้องจับตาแนวสำคัญที่ 1,650 ซึ่งหากหลุดลงไป จะทำให้เกิดสัญญาณขายอีกครั้งและนักลงทุนที่ได้สะสมสถานะไว้ก่อนหน้าก็จะขายออกมา 
สำหรับคืนนี้ ให้แนวรับที่บริเวณ 1,657/1,650 และแนวต้านที่บริเวณ 1,673/1,680 แนะนำให้ถือ long ต่อไป เพื่อรอทยอยปิดทำกำไรระยะสั้นตามแนวต้าน

  โลหะเงิน  ให้แนวรับบริเวณ 30.7/ 30.3 ส่วนแนวต้านบริเวณ 31.5/31.8 แนะนำ Trading ในกรอบแนวรับ-แนวต้าน

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 11-12,16
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
https://itunes.apple.com/th/app/classic-gold/id464234361?mt=8
https://plus.google.com/114919553661509313835/posts
https://market.android.com/details?id=com.codemobiles.classicgold 
http://web.stagram.com/n/ilovecgf/
http://www.classicgoldgroup.tumblr.com 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น