วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 11 มกราคม 2556 (ช่วงเย็น)


บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 11 มกราคม 2556 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

ราคาทองคำเปิดตลาดเอเชียที่ 1,673 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวแคบมากในกรอบ 1,669-1,674 USDต่อออนซ์ โดยราคาทองคำดีดขึ้นมาแรงในช่วงเมื่อคืนนี้ 
เนื่องจากธนาคารกลางยุโรป(ECB)ยืนยันจะคงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงไว้ที่ระดับ 0.75% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ ทำให้ค่าเงินยูโร
แข็งค่าขึ้นทันที สวนทางกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนลงมาก และการที่ประธาน มาริโอ ดรากี้ ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะมีการลดดอกเบี้ยเมื่อใด รวมทั้งยังคงมองถึงความ
เสี่ยงที่เศรษฐกิจในยูโรโซนจะย่ำแย่ต่อเนื่องไปอีกปี ทำให้ราคาทองคำได้รับแรงหนุนให้ขึ้นจากระดับ 1,660 USDต่อออนซ์ ไปทดสอบที่บริเวณ 
1,680 USDต่อออนซ์ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากค่าเงินบาทก็ได้รับผลกระทบจากค่าเงินยูโร ทำให้แข็งค่าตามไปด้วย จึงทำให้ราคาทองคำในประเทศได้รับผล
ทางลบจากค่าเงินบาทและปรับตัวขึ้นไม่มากนัก ทั้งนี้ แนวโน้มราคาทองคำในคืนนี้ ยังขาดปัจจัยชี้นำหลังหมดข่าวการประชุม ECB และการอัดฉีดเงินของญี่ปุ่น 
ทำให้ต้องรอความชัดเจนของทิศทางอีกครั้งในสัปดาห์หน้า โดยให้กรอบ 1,666-1,677 USDต่อออนซ์ เป็นกรอบแกว่งตัวออกข้าง(sideway) 
ซึ่งถ้าหากราคาหลุดกรอบไปในทิศทางใด แนวโน้มในระยะสั้นก็จะแกว่งตัวไปในทางนั้น

ประธานาธิบดีสหรัฐเสนอชื่อ เจคอบ ลิว ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง แทนที่ ทิโมธี ไกธ์เนอร์ ทั้งนี้ ลิว คือ หัวหน้าคณะทำงานประจำทำ
เนียบขาวที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน โดยเขาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานการบริหารและงบประมาณในสมัยอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน 
โดยมีผลงานในช่วงปี 2541-2544 ทำให้รัฐบาลมีรายได้มหาศาล 3 ปีติดต่อกัน หลังจากนั้น เขาได้ดำรงตำแห่งเป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงต่างประเทศ
ในสมัยของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ปี 2552-2553 ก่อนเป็นผู้อำนวยการสำนักงานการบริหารและงบประมาณ และย้ายมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะ
ทำงานทำเนียบขาวจนถึงปัจจุบัน

มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลไซปรัสลงสู่ระดับ Caa3 จากเดิม B3 และให้แนวโน้มอยู่ในเชิงลบ 
ด้วยเหตุผลว่าภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มทุนของระบบธนาคารในประเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลไซปรัสและกลุ่มทรอยก้า ได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา 
แต่ยังไม่มีการสรุปข้อตกลงช่วยเหลือทางการเงินขั้นสุดท้าย เนื่องมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความจำเป็นในการระดมทุนของธนาคารต่าง ๆ

คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นลงนามรับรองมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 20 ล้านล้านเยน โดยมีเป้าหมายที่จะหนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นด้วยการจัดการกับ
ภาวะเงินฝืดที่เรื้อรังและการแข็งค่าของเงินเยน

ดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นในเดือน พ.ย.ร่วงลงในแดนลบเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน โดยได้รับผลกระทบส่วนใหญ่จากภาวะการส่งออกชะลอตัว
จากเงินเยนที่แข็งค่าและภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก ซึ่งรายงานขั้นต้นของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ญี่ปุ่นขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 2.224 แสนล้านเยน 
และขาดดุลการค้า 8.475 แสนล้านเยน โดยการส่งออกลดลง 4.2% จากปีก่อนหน้า

ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่มีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นในเดือน ธ.ค. ปรับตัวดีขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2  สู่ระดับ 45.8 จาก 40.0 
ในเดือน พ.ย. โดยมีสาเหตุส่วนหนึ่งจากการอ่อนค่าของเงินเยน


ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคญี่ปุ่นในช่วงไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2 ลงมาอยู่ที่ 50.6 ลดลง 7.5 จุด ขณะที่ความเชื่อมั่น
ผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในปีต่อไปปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ไตรมาส โดยดัชนีเพิ่มขึ้น 3.0 จุด แตะที่ -33.1 ทั้งนี้ ผลสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้น
ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 16 ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองยังมีความไม่แน่นอน

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม  ได้แก่
- 20:30 ดุลการค้า เดือน พ.ย.  –  การขาดดุลการค้ามีผลต่อค่าเงินดอลลาร์โดยตรง แต่ไม่มีผลต่อราคาทองคำ
- 20:30 ดัชนีราคาสินค้านำเข้า เดือน ธ.ค.  –  ตัวเลขเบื้องต้นที่บ่งชี้ถึงความเสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อในระบบเศรษฐกิจ แต่เนื่องจากเป็นดัชนีที่มีความผันผวนไปตามฤดูกาล ทำให้ข้อมูลที่ประกาศเป็นข้อมูลในระยะสั้น ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อราคาทองคำมากนัก
- 02:00 รายงานบัญชีงบประมาณของรัฐบาล เดือน ธ.ค.  –  โดยปกติแล้ว เป็นตัวเลขที่ไม่มีผลต่อราคาทองคำ แต่เนื่องจากตลาดกำลังกังวลต่อปัญหา fiscal cliff และเพดานหนี้สาธารณะ ซึ่งเป็นประเด็นที่สอดคล้องกับการบริหารงบประมาณของภาครัฐ จึงควรติดตามปริมาณเงินที่กระทรวงการคลังอัดฉีดหรือดึงออกจากระบบเศรษฐกิจในแต่ละเดือน

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์หน้า(14-18 ม.ค.) : วันจันทร์ ปธ.เฟด บรรยายเรื่อง นโยบายการเงินและความท้าทายของเศรษฐกิจสหรัฐ  
วันอังคาร ยอดค้าปลีก เดือน ธ.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือน ธ.ค., ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม เดือน ม.ค. โดย เฟดสาขานิวยอร์ค, ยอดสต๊อคสินค้าคงคลังในภาคธุรกิจ 
เดือน พ.ย.  วันพุธ ดัชนีราคาผู้บริโภค เดือน ธ.ค., ข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลของต่างชาติ เดือน พ.ย., ยอดผลผลิตภาคอุตสาหกรรม 
เดือน ธ.ค., อัตราการใช้กำลังผลิต เดือน ธ.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย เดือน ม.ค., ยอดสต๊อคน้ำมัน รายสัปดาห์, รายงานมุมมองทางเศรษฐกิจของคณะกรรมการ
กำหนดนโยบายการเงิน(Beige Book)  วันพฤหัสบดี ยอดการอนุญาตก่อสร้าง เดือน ธ.ค., ยอดที่อยู่อาศัยที่เริ่มสร้างแล้ว เดือน ธ.ค., 
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน รายสัปดาห์, ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจ เดือน ม.ค. โดย เฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย  วันศุกร์ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค 
ช่วงต้นเดือน ม.ค.

  ทองคำ  ราคาทองคำในกราฟราย 60 นาที กำลังปรับฐานแบบ sideway down ทำให้สัญญาณทางเทคนิคอ่อนตัวลงมาจากระดับ 
overbought โดยคาดการณ์ทิศทางจะยังคงแกว่งต่อไปเพื่อพักตัวก่อนแสดงทิศทางอีกครั้งในสัปดาห์หน้า โดยให้แนวต้านบริเวณ 1,680/1,695 
ให้แนวรับบริเวณ 1,665/1,660 แนะนำนักลงทุนซื้อสะสมเมื่ออ่อนตัว และทยอยปิดทำกำไรที่เหนือ 1,675

  โลหะเงิน  ให้แนวรับบริเวณ 29.8/ 29.6 ส่วนแนวต้านบริเวณ 30.7/ 31.0 แนะนำ Trading ในกรอบ 29.6-31.0


อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 11-12,16
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
http://itunes.apple....d464234361?mt=8 
https://plus.google.com/114919553661509313835/posts
https://market.android.com/details?id=com.codemobiles.classicgold 
http://web.stagram.com/n/ilovecgf/
http://www.classicgoldgroup.tumblr.com  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น