วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 16 มกราคม 2556 (ช่วงเย็น)


บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 16 มกราคม 2556 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น) 

ราคาทองคำเปิดตลาดเอเชียที่ 1,682 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวในกรอบ 1,680 - 1,684 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำยังไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,685 
ไปได้ เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก รวมไปถึง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของญี่ปุ่นที่ย่ำแย่ลงในเดือนธ.ค. นอกจากนั้น ความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐ
ในเรื่องการเพิ่มเพดานหนี้และการตัดงบรายจ่าย ยังส่งผลทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนลง กดดันต่อราคาทองคำอีกทาง ประกอบกับการแข็งค่าของค่าเงินบาท 
ส่งผลให้ราคาทองคำในบ้านเราปรับตัวลดลงแรงกว่าราคา Spot อย่างไรก็ตาม หากมีแนวโน้มที่ ฟิทช์ เรทติงส์ จะปรับลดอันดับเครดิตของสหรัฐ เนื่องจาก 
ไม่สามารถเพิ่มเพดานหนี้ได้ทันเวลา จนทำให้นักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่นในดอลลาร์สหรัฐ อาจเป็นแรงหนุนให้ราคาทองคำดีดกลับขึ้นมาได้ นอกจากนั้น 
การปรับขึ้นของราคาพลาตินั่ม และความต้องการทองคำในช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีน ช่วยจำกัดการปรับตัวลดลงของราคาทองคำ ทั้งนี้ จับตาดูการอ่อนตัวของราคาทองคำ 
หากยังยืนเหนือแนวรับสำคัญบริเวณ 1.670/1,665 ราคาทองคำมีโอกาสกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,685 อีกครั้ง 

ธนาคารโลกคาดว่าเศษฐกิจโลกจะขยายตัว 2.4% ในปี 2556 และจะขยายตัว 3.1% ในปี 2557 แต่ภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงเปราะบางและมีแนวโน้มที่
จะสร้างความผิดหวังให้กับตลาด แม้ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะปรับตัวลงนั้น มีน้อยกว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็ตาม

อัตราเงินเฟ้อรายปีในเดือน ธ.ค.ของสเปนแตะที่ 2.9% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีและระบบร่วมจ่ายค่าเวชภัณฑ์ที่ออกโดยรัฐบาล

จีนจัดเก็บรายได้ภาษีปี 2555 ได้ 11.07 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 11.2% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยรายได้ภาษีส่งออกเพิ่มขึ้น 13.3% แตะ 1.04 ล้านล้านหยวน 
เนื่องจากนโยบายส่งเสริมการส่งออก ส่วนรายได้ภาษีจากเงินได้บุคคลธรรมคาลดลง 8% ในขณะที่รายได้ภาษีจากบริษัทเอกชนลดลง 12.5% ทั้งนี้ รัฐบาลจีนได้ดำเนิน
การปรับลดภาษีลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพื่อพยุงเศรษฐกิจ

เงินลงทุนโดยตรงนอกภาคการเงินในต่างประเทศของจีนในปี 2555 เพิ่มขึ้น 28.6% เมื่อเทียบรายปี และเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงกว่าปีก่อนหน้า 
โดยจีนลงทุน 7.72 หมื่นล้านดอลลาร์ ในบริษัทในต่างประเทศ 4,425 แห่ง ใน 141 ประเทศ เมื่อปี 2555 ทั้งนี้ การลงทุนในรัสเซียเพิ่มขึ้น 117.8% 
ขณะที่เม็ดเงินลงทุนในสหรัฐและญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 66.4% และ 47.8% ตามลำดับ

นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชินโสะ อาเบะ เรียกร้องให้ผู้ว่าการธนาคารกลาง(BOJ)คนใหม่ ร่วมกับรัฐบาลต่อสู้กับภาวะเงินฝืด เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่ 
ทั้งนี้ คาดว่า BOJ จะเห็นด้วยกับรัฐบาลในการกำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ ในขณะที่ยังรักษาเป้าหมายเสถียรภาพด้านราคาที่ 1% เมื่อเทียบเป็นรายปี 
เมื่อคำนวณในดัชนีราคาผู้บริโภค ในการประชุมนโยบายวันที่ 21-22 ม.ค. ส่วนผู้ว่าแบงค์ชาติคนปัจจุบันจะครบวาระในวันที่ 8 เม.ย.

รองประธานอาวุโสและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลกได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ของ BOJ 
เพื่อจัดการกับภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจ โดยระบุว่า เป็นเรื่องยากที่ญี่ปุ่นจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ เมื่ออัตราเงินเฟ้อเริ่มปรับตัวสูงขึ้น 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม  ได้แก่
20:30 ดัชนีราคาผู้บริโภค(ไม่รวมอาหารและพลังงาน) เดือน ธ.ค.  –  การเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกเดือนในระดับ 0.1-0.2% ถือว่าดีสำหรับประเทศ
ที่พัฒนาแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐในสถานการณ์ที่ต้องการให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ดังนั้น การประกาศออกมาในระดับดังกล่าวหรือมากกว่าเล็กน้อย
จึงไม่ส่งผลต่อราคาทองคำนัก แต่ถ้าหากต่ำกว่า 0.1% จะเป็นผลดีต่อทอง

21:00 ข้อมูลเงินทุนระยะยาวสุทธิ เดือน พ.ย.  –  กระทรวงการคลังรายงานยอดสุทธิการลงทุนระยะยาวของชาวอเมริกันที่ไปลงทุนยังต่างประเทศ
กับยอดสุทธิการลงทุนระยะยาวของต่างชาติที่มาลงทุนในสหรัฐ ซึ่งตัวเลขที่ยิ่งสูงก็ยิ่งแสดงถึงระดับความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อเงินดอลลาร์สหรัฐในระยะยาว 
แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำอย่างมีนัยสำคัญ

21:15 ยอดผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ธ.ค.  –  เป็นดัชนีที่ค่อนข้างไวต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะต่อความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจ 
ทำให้ตัวเลขที่ประกาศออกมาค่อนข้างผันผวน ซึ่งบางครั้งก็เกิดจากปัจจัยเรื่องฤดูกาลหรือวงจรของธุรกิจและเศรษฐกิจด้วย อย่างไรก็ตาม 
ตัวเลขเมื่อเดือนที่แล้วดีเกินคาดไปมากถึง +1.1% ทำให้หากออกมาใกล้เคียงกับตัวเลขที่คาดการณ์ในครั้งนี้ที่ +0.2% อาจไม่ส่งผลต่อราคาทองคำมากนัก

21:15 อัตราการใช้กำลังผลิต เดือน ธ.ค.  –  มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดวิกฤติซับไพรม์ โดยตัวเลขดังกล่าวจะแสดงภาวะเศรษฐกิจ
ภายในประเทศว่าแข็งแกร่งเพียงใด ทั้งนี้ การใช้กำลังการผลิตในระดับ 75-80% แสดงถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ตัวเลขเกิน 80% 
จะส่งผลลบในระยะสั้นต่อราคาทองคำ เนื่องจากความร้อนแรงของเศรษฐกิจสหรัฐ แต่จะส่งผลบวกในระยะยาวต่อราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ

22:00 ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย เดือน ม.ค.  –  ผลสำรวจความคิดเห็นของผู้ทำธุรกิจบ้านจัดสรรว่ามีมุมมองอย่างไรก็สถานการณ์ตลาด
ในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งจากข้อมูลในอดีต ถือว่าเป็นดัชนีที่เตือนล่วงหน้าได้ค่อนข้างดี โดยระดับ 50 เป็นค่ากลางระหว่างความมั่นใจกับความไม่เชื่อมั่นต่อ
สภาพตลาดของผู้ประกอบการ ซึ่งดัชนีมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องนับจากกลางปีที่แล้ว จึงเป็นสัญญาณที่ดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐว่าจะมีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งโดย
เฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่จะส่งผลลบต่อราคาทองคำในช่วงสั้น ดังนั้นจึงต้องจับตาดูว่าจะประกาศออกมาสูงกว่าระดับ 50 หรือไม่

22:30 ยอดสต๊อคน้ำมัน รายสัปดาห์  –  ยอดที่ประกาศออกมาในแต่ละครั้งมีความผันผวนสูง เนื่องจากปริมาณการใช้น้ำมันในสหรัฐขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย 
ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน, ภาวะเศรษฐกิจ, ความเชื่อมั่นในการจับจ่ายของประชาชน, ความต้องการตามช่วงเวลา ฯลฯ ดังนั้น แม้ราคาทองคำจะค่อนข้างเคลื่อนไหวสอดคล้อง
กับราคาน้ำมันในระยะยาว แต่ในระยะสั้นอาจไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันก็ได้ จึงประเมินว่า ยอดสต๊อครายสัปดาห์ที่เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงไม่ถึง 5 ล้านบาร์เรล 
จะไม่มีผลต่อราคาทองคำอย่างมีนัยสำคัญ

02:00 รายงานมุมมองทางเศรษฐกิจของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(Beige Book)  –  ความคิดเห็นต่อเศรษฐกิจในเขตที่เฟดแต่ละ
สาขาดูแล ซึ่งประธานเฟดแต่ละคนจะมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลดังกล่าวระหว่างกัน โดยจะมีการนำเสนอถึงความคิดเห็น, มุมมอง และรูปแบบนโยบายที่คาดว่าจะเหมาะสม 
รายงานฉบับนี้จึงเปรียบเสมือนคำบอกใบ้ต่อการกำหนดใช้มาตรการในอนาคตของเฟด ดังนั้น จึงต้องติดตามในรายละเอียดว่าประธานเฟดที่ความเห็นแย้งกันอย่างไรต่อประเด็น
มาใช้มาตรการ QE ซึ่งความคิดเห็นในเชิงลบต่อเรื่องนี้ จะส่งผลลบอย่างมากต่อราคาทองคำในวันพรุ่งนี้

  ทองคำ  ราคาทองคำหลังจากเผชิญกับแนวต้านที่แข็งแกร่งบริเวณ 1,685 แล้วไม่ผ่าน รวมถึง เส้น Stochastic ในราย 4 ชม เริ่มส่งสัญญาณลบ 
จึงคาดว่าราคาทองคำมีแนวโน้มอ่อนตัวลงมา โดยมีแนวรับสำคัญแรกบริเวณ 1,670/1,665 ซึ่งหากยังรับอยู่ อาจพบการดีดกลับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,685 อีกครั้ง 
แต่การหลุดแนวรับสำคัญแรก จะส่งสัญญาณเชิงลบมากขึ้น และอาจกดดันให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงได้อีก 10 – 20 เหรียญ โดยคืนนี้คาดว่าวันนี้มีแนวรับบริเวณ 1,670/1,665 
แนวต้านบริเวณ 1,685/1,690/1,700 แนะนำ นักลงทุนระยะสั้น รออ่อนตัว เพื่อสะสม Long เพิ่ม หรือ Trading ในกรอบระยะสั้น

  โลหะเงิน  ให้แนวรับบริเวณ 31.0 / 30.7 ส่วนแนวต้านบริเวณ 31.5/31.8 แนะนำ รอราคาอ่อนตัวเพื่อสะสม Long เพิ่ม 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 11-12,16
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
https://itunes.apple.com/th/app/classic-gold/id464234361?mt=8
https://plus.google.com/114919553661509313835/posts
https://market.android.com/details?id=com.codemobiles.classicgold 
http://web.stagram.com/n/ilovecgf/
http://www.classicgoldgroup.tumblr.com  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น