วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2555

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 23 มีนาคม 2555 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 23 มีนาคม 2555 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

Rebound ในระยะสั้น

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 23 มี.ค. อยู่ที่บริเวณ 1,646.73 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,642 - 1,654 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำสามารถ Rebound กลับขึ้นมา หลังจากไปทำ Low ที่ 1,627 ทั้งนี้ เนื่องจาก มีมุมมองเชิงบวกในฝั่งยุโรป อาทิ ประธานธนาคารกลางยุโรป คาดว่า ช่วงที่ย่ำแย่ที่สุดของวิกฤติยูโรโซนได้ผ่านพ้นไปแล้ว และตลาดแรงงานในเยอรมันปรับตัวดีขึ้น ส่งผลบวกต่อค่าเงินยูโร และราคาทองคำ นอกจากนี้ การแถลงการณ์ของเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและอัตราการลงทุนในสหรัฐ ยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอ อาจส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกลับมาคาดหวังกับการออก QE3 ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งจะมีผลต่อราคาทองคำในระยะถัดไป อย่างไรก็ตาม จากตลาด Physical และภาพเศรษฐกิจโดยรวม ยังส่งผลกดดันต่อราคาทองคำ เนื่องจาก ยังพบแรงขายจากกองทุนทองคำหลายๆ แห่ง การขึ้นภาษีทองคำในอินเดีย และภาคการผลิตของจีนและยูโรโซนหดตัวลง ได้บั่นทอนมุมมองเชิงบวกของนักลงทุน ดังนั้น การ Rebound ของราคาทองคำอาจปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด ทั้งนี้ มีแนวต้านสำคัญที่ 1,660/1,670

ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า ช่วงที่ย่ำแย่ที่สุดของวิกฤติยูโรโซนได้ผ่านพ้นไปแล้วและสถานการณ์กำลังจะมี เสถียรภาพ โดยความเชื่อมั่นของนักลงทุนกำลังฟื้นตัว และอีซีบีได้ระงับการซื้อหลักทรัพย์ในตลาดซึ่งจะช่วยให้อีซีบีสามารถซื้อ พันธบัตรรัฐบาลในตลาดทุติภูมิได้เป็นเวลาหลายสัปดาห์ นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจบางรายการ ซึ่งรวมไปถึงเงินเฟ้อ บัญชีเดินสะพัด และงบประมาณขาดดุลต่างก็บ่งชี้ว่า ยุโรปมีพัฒนาการที่ดีกว่าสหรัฐ อย่างไรก็ดี ยังคงมีความเสี่ยง แต่ก็เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ โดยระบุว่า รัฐบาลประเทศต่างๆ ต้องทำให้ยูโรโซนมีภูมิคุ้มกันวิกฤติในระยะยาว สำหรับการดำเนินมาตรการรีไฟแนนซ์ระยะยาว (LTRO) อายุ 3 ปีจำนวน 2 ครั้ง อีซีบีได้จับตาดูอย่างใกล้ชิดในการแก้ปัญหาวิกฤติและสินเชื่อตึงตัวด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องไม่ได้ผลักดันให้ อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ อีซีบีได้ปล่อยเงินกู้กว่า 1 ล้านล้านยูโร (1.32 ล้านล้านดอลลาร์) ให้กับธนาคารยุโรปผ่านโครงการ LTRO 2 ครั้ง โดยก่อนหน้านี้ โดย LTRO ครั้งที่ 1 ซึ่งดำเนินการในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ได้ช่วยบรรเทาภาวะสินเชื่อตึงตัวครั้งสำคัญได้ อย่างไรก็ดี ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งของเยอรมนีได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้จำนวนมากของอีซีบี

ตลาดแรงงานของเยอรมนียังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2555 เนื่องจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ในขณะที่อัตราว่างงานยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ทั้งนี้ จำนวนคนว่างงานของเยอรมนีอาจลดลง 130,000 คนมาอยู่ที่ 2.84 ล้านคนในปีนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่การรวมประเทศเยอรมนีเมื่อ 22 ปีก่อน ผลการศึกษาชี้อัตราว่างงานเยอรมนีอาจแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ปีนี้ ทั้งนี้ อัตราว่างงานเฉลี่ยต่อปีคาดว่าจะอยู่ที่ราว 6.8% ในปีนี้ ลดลงจาก 7.1% ในปี 2554 อย่างไรก็ตาม อัตราว่างงานในปี 2555 อาจจะลดลงไม่มากเท่ากับในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโดยทั่วไปในเขตยูโรโซนอาจจะมี "พื้นฐานที่ยากลำบาก" อันเนื่องมาจากวิกฤติหนี้สินที่กำลังเผชิญอยู่
การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศสจะเป็นไปอย่างเชื่องช้า และอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นต่อไปจนถึงกลางปีนี้ ขณะที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีกำลังจะมีขึ้นในอีกไม่ถึง 5 สัปดาห์ข้างหน้า โดยคาดว่า เศรษฐกิจฝรั่งเศสจะมีอัตราการเติบโต 0%ในไตรมาสแรกปีนี้ หลังจากที่มีการขยายตัว 0.2% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว และคาดว่า เศรษฐกิจฝรั่งเศสจะขยายตัวเพียง 0.2%ในไตรมาส 2 ของปีนี้ ขณะที่ฝรั่งเศสกำลังจะจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี 2 รอบในวันที่ 22 เม.ย. และ 6 พ.ค.โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศสกำลังพยายามปกป้องผลงานการบริหารด้านเศรษฐกิจ หลังจากที่ได้บริหารประเทศมานาน 5 ปี ขณะที่เศรษฐกิจชะลอตัวลง การฟื้นตัวจะอ่อนแอเกินกว่าที่จะทำให้เกิดการสร้างงานสุทธิได้ โดยคาดว่า อัตราว่างงานจะพุ่งทะลุ 10% ในไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งมีหลายปัจจัยที่จะขัดขวางการฟื้นตัว ทั้งราคาน้ำมันที่ยังสูงอยู่,ความตึงเครียดอย่างต่อเนื่องในตลาดการเงิน และมาตรการรัดเข็มขัดซึ่งกำลังกระทบรายได้ครัวเรือน รัฐบาลฝรั่งเศสคาดว่า เศรษฐกิจจะขยายตัว 0.5% ในปีนี้

เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและอัตราการลงทุนในสหรัฐ ยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะหนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างยั่งยืนได้ พร้อมระบุว่า อุปสงค์ของผู้บริโภคยังคงอ่อนแอเกือบจะเท่ากับระดับก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ ส่วนปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการปล่อยเงินกู้และการค้านั้น ก็ชะลอตัวลงด้วยเช่นกัน การแสดงความคิดเห็นของเบอร์นันเก้สะท้อนให้เห็นถึงเหตุผลที่ทำให้เฟด ตัดสินใจที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ที่ระดับต่ำเป็นพิเศษไปจนถึงกลางปี 2557 แม้ว่าตัวเลขจ้างงานของสหรัฐขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และมีสัญญาณอื่นๆที่บ่งชี้ถึงความคืบหน้าทางเศรษฐกิจก็ตาม ในการปาฐกถาครั้งนี้ เบอร์นันเก้ได้กล่าวปกป้องนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำของเฟด โดยได้แสดงความเชื่อมั่นว่าการที่เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยนั้น ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดที่อยู่อาศัย แต่ก็ยอมรับว่าเฟดมีความผิดพลาดในการกำกับดูแลและออกกฎระเบียบเกี่ยวกับ บทบาทของธนาคารพาณิชย์ในการปล่อยเงินกู้เพื่อการจำนองบ้าน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่

- 21.00 น. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ.
การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์หน้า (26-30 มี.ค.) มีดังนี้: วันจันทร์ ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนก.พ. ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.พ. วันอังคาร ราคาบ้านเดือนม.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนมี.ค. วันพุธ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ. ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี ตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 4/2011 จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ วันศุกร์ รายได้ส่วนบุคคลเดือนก.พ. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนมี.ค.

ภาพกราฟในราย 120 นาที มีแนวรับบริเวณ 1,627/1,620 ส่วนแนวต้านมีที่บริเวณ 1,660/1,670 ภาพกราฟในรายวันยังเป็นขาลง โดยทำ low ใหม่ต่ำกว่าเดิม การปรับตัวสูงขึ้นสู่แนวต้านบริเวณ 1,660 เป็นโอกาสที่ผู้มีสถานะ Long ปิดทำกำไร ผู้ไม่มีสถานะถ้าไม่ผ่านแนวต้านบริเวณ 1,660 เป็นจังหวะเปิด Short โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณแนวรับ 1,627/1,620 โดยมีจุด Stop loss บริเวณ 1,670 ส่วนนักลงทุนที่เล่นสั้น 1 – 2 วัน Trading ในกรอบ 1,620 – 1,660
ส่วนโลหะเงินมีแนวรับบริเวณ 31.0/ 30.7 แนวต้านบริเวณ 31.8/ 32.2 แนะนำนักลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบ 30.7 – 32.2

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook....lassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
http://itunes.apple....d464234361?mt=8 https://plus.google....509313835/posts https://market.andro...les.classicgold

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น