วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2556

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำและซิลเวอร์ วันที่ 19 มีนาคม 2556 ช่วงเย็น


บทวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำและซิลเวอร์ วันที่ 19 มีนาคม 2556 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น) 

ราคาทองคำเปิดตลาดเอเชียที่ 1,604 USDต่อออนซ์  เคลื่อนไหวผันผวนระหว่าง 1,601–1,607 USDต่อออนซ์  โดยกระแสความกังวลกรณียูโรกรุ๊ปให้เงินช่วยเหลือไซปรัส
อีก 1 หมื่นล้านยูโร หลังจากที่เสริมสภาพคล่องสถาบันการเงินที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติหนี้กรีซไป 1.7 หมื่นล้านยูโร เมื่อปีที่แล้ว  แต่ข้อตกลงรอบใหม่ต้องแลกด้วยการเก็บค่าฝาก
เงินกับธนาคารในรูปแบบภาษีเงินฝาก ทำให้ประชาชนในประเทศได้รับความเดือดร้อนและเริ่มเดินขบวนประท้วง ในขณะที่ธนาคารปิดทำการชั่วคราวถึงวันพรุ่งนี้ 
เพื่อป้องกันการถอนเงินอย่างตื่นตระหนกและอาจทำให้ธนาคารล้มละลายจากการขาดสภาพคล่อง  แต่ปัจจัยนี้เป็นผลบวกระยะสั้นต่อราคาทองคำในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย  
เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าหากปัญหาของไซปรัสไม่ได้รับการเยียวยา ก็อาจทำให้เกิดการแยกตัวออกจากกลุ่มยูโรโซน ซึ่งจะไม่เป็นผลดีในระยะยาวต่อสหภาพยุโรป  
รวมทั้งแนวโน้มในยูโรโซนที่ยังมีความเสี่ยงขาลงอีกครั้งในปีนี้จากดัชนีเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าจะเป็นเหตุผลให้ Fed ดำเนินมาตรการ QE 
เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของสหรัฐต่อไปในปีนี้

ผลการสำรวจของ Markit เผยว่าภาคธุรกิจทั่วโลกมีมุมมองบวกต่อการขยายตัวในปี 2556 โดยความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจทั่วโลกฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดของช่วงหลัง
วิกฤตการเงินโลกที่ทำไว้ครึ่งหลังของปี 2555 โดยการคาดการณ์เกี่ยวกับรายได้ ธุรกิจใหม่ และกิจกรรมทางธุรกิจ ต่างก็เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดนับแต่ต้นปี 2555 ทั้งนี้ 
บริษัทที่คาดว่ากิจกรรมทางธุรกิจจะเพิ่มขึ้นในช่วงอีก 12 เดือนข้างหน้า มีจำนวนที่มากกว่าบริษัทที่คาดว่ากิจจกรรมจะลดลง อยู่ 39% ซึ่งธุรกิจของญี่ปุ่นและยูโรโซนมีความ
เชื่อมั่นเพิ่มขึ้นสูงที่สุด รวมทั้งอิตาลีและสเปนต่างก็มีมุมมองที่ดีขึ้น แต่ในประเทศกลุ่ม BRIC มีเพียงจีนเท่านั้นที่ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น โดยบริษัทของจีนมีมุมมองบวก
มากที่สุดในรอบ 2 ปี

ยูโรกรุ๊ปย้ำว่าข้อตกลงความช่วยเหลือทางการเงินเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการป้องกันไม่ให้ไซปรัสล้มละลาย โดยตามข้อตกลงช่วยเหลือดังกล่าว ผู้ฝากเงินในธนาคารของไซปรัส
มากกว่า 100,000 ยูโร จะถูกจะถูกเก็บภาษี 9.9% และสำหรับจำนวนเงินที่ต่ำกว่า จะถูกเก็บภาษี 6.75% ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ไซปรัสระดมทุนได้ 5.8 พันล้านยูโร 
แต่ทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่พอใจ และออกมาเดินขบวนประท้วงที่บริเวณนอกรัฐสภา ในกรุงนิโคเซีย ซึ่งธนาคารได้ประกาศปิดทำการ และจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง
ในวันพฤหัสบดี นอกจากนี้ มาตรการดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อชาวต่างชาติที่มีเงินฝากในธนาคารไซปรัสด้วย โดยเฉพาะรัสเซียและอังกฤษ แต่ไม่รวมถึงสาขาต่างประเทศของ
ธนาคารในไซปรัส

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(FDI)ในจีนเดือน ก.พ.เพิ่มขึ้น 6.32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สู่ระดับ 8.2 พันล้านดอลลาร์ เป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกนับแต่เดือน
มิ.ย.2555  แต่ชะลอลงจาก 9.27 พันล้านดอลลาร์ ในเดือน ม.ค. โดยการลงทุนในภาคบริการขยายตัว 5.49% แตะ 8.45 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ 
ขณะที่การลงทุนในภาคการเกษตรและภาคการผลิตหดตัวลง 43.22% และ 10.64% ตามลำดับ ทั้งนี้ การลงทุนจากสหภาพยุโรป(EU) พุ่งขึ้น 34.01% 
แตะ 1.21 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่จากสหรัฐลดลง 5.37% แตะ 497 ล้านดอลลาร์

ธนาคารกลางอินเดียประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 7.5% เพื่อกระตุ้นการลงทุนและส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแออย่างหนัก 
และนับเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในรอบปีนี้


กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(OPEC) เผยว่าราคาน้ำมันเฉลี่ยสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลงแตะ 106.40 ดอลลาร์/บาร์เรลเทียบกับ 107.02 ดอลลาร์/บาร์เรล ในสัปดาห์ก่อนหน้า 
และนับเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 4 สัปดาห์ นับจาก 114.5 ดอลลาร์/บาร์เรล ในช่วงกลางเดือน ก.พ. ซึ่งต่ำสุดในรอบ 13 สัปดาห์ โดยระบุว่าเนื่องจากความไม่แน่นอนของ
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ในรายงานตลาดน้ำมันรายเดือน OPEC ยังได้ส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันในปีนี้ 
เนื่องจากความเสี่ยงขาลงต่อการขยายตัวด้านการบริโภคน้ำมันทั่วโลก

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตาม  ได้แก่
- 19:30 ยอดขออนุญาตก่อสร้าง เดือน ก.พ.  –  ตัวเลขปรับตัวในแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปี 2554 แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของ
ภาคอสังหาริมทรัพย์สหรัฐ โดยการประกาศตัวเลขเหนือระดับ 9 แสนหลัง จะสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ แต่หากต่ำกว่า จะเป็นผลบวกทันที

- 19:30 ยอดที่อยู่อาศัยที่เริ่มสร้างแล้ว เดือน ก.พ.  –  ตัวเลขค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับยอดการขออนุญาตก่อสร้าง แสดงว่าถึงเศรษฐ
กิจสหรัฐกำลังฟื้นตัว ซึ่งต้องดูว่าในตัวเลขจะดีขึ้นจนสามารถอยู่เหนือระดับ 9 แสนหลัง ได้หรือไม่ โดยหากออกสูงกว่าระดับดังกล่าว จะกดดันราคาทองคำ แต่หากต่ำกว่า 
จะเป็นผลบวกเล็กน้อย

  ทองคำ  ราคาทองคำชนแนวต้านใกล้บริเวณ 1,610 อาจทำให้มีการอ่อนตัวลงมา หากสามารถยืนเหนือแนวรับ 1,598/1,589 ราคาทองคำมีโอกาส
ปรับขึ้นไปทดสอบ 1,610 อีกครั้ง และการทะลุ 1,610 เป้าหมายถัดไปที่บริเวณ 1,620 อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นเริ่มมีความเสี่ยง เนื่องจาก เริ่มส่งสัญญาณ overbought 
ดังนั้น ราคาอาจปรับตัวร่วงลงมาแรงๆ ได้ หากไม่ผ่านแนวต้านสำคัญ อาทิ 1,610/1,620  

  โลหะเงิน  ให้แนวต้านบริเวณ 29.3 / 29.65 / 30.5 และแนวรับ 28.65 / 27.95 แนะนำ Trading ในกรอบ


อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 11-12,16
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
https://itunes.apple.com/th/app/classic-gold/id464234361?mt=8
https://plus.google.com/114919553661509313835/posts
https://market.android.com/details?id=com.codemobiles.classicgold 
http://web.stagram.com/n/ilovecgf/
http://www.classicgoldgroup.tumblr.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น