วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2554

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 23 ธันวาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 23 ธันวาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

++ ราคาทองคำมีแนวต้านที่ 1,620/1,630 และแนวรับที่ 1,590/1,580 ภาพทางเทคนิคในราย 240 นาที ราคาสูงสุดและต่ำสุด ลดต่ำลงกว่าเมื่อวาน แสดงแนวโน้มราคาอ่อนตัวลดลงในวันนี้ แนะนำ Trading ในกรอบ 1,580 – 1,620

มูลค่าการซื้อขายเบาบางในช่วงเทศกาล Christmas

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 23 ธ.ค. อยู่ที่บริเวณ 1,609.93 USD ต่อออนซ์ โดยเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,608 – 1,613 USD ต่อออนซ์ ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบางก่อนช่วงเทศกาล Christmas โดยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ประกาศออกมาเมื่อคืนวานนี้ มิได้ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายทองคำมากนัก เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจออกมา Mixed จากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ธ.ค. มีระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงปลายเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 69.9 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน ขณะที่ ตัวเลขประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ครั้งสุดท้าย ขยายตัวในอัตรา 1.8% ลดลงจากที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ว่าขยายตัว 2% สำหรับราคาทองคำนั้น ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากข่าวการแก้ไขปัญหาหนี้ยุโรปมากกว่า จะเห็นได้จาก เมื่อข่าวการปล่อยเงินกู้ของธนาคารกลางยุโรป มิได้รับการตอบรับจากนักลงทุนว่าจะสามารถคลี่คลายปัญหาหนี้ยูโรโซนได้ ส่งผลกดดันต่อราคาทองคำให้ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ปรับตัวลดลง และมีแนวโน้มว่าจะอ่อนตัวไปต่อ ตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร และจากภาพทางเทคนิค จุดต่ำสุดลดตัวต่ำลง และ MACD ยังคงหนาแน่นในแดนลบ คาดว่าราคาทองคำในระยะกลางยังมีแนวโน้มอ่อนตัวได้อีก โดยในระยะสั้น คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,580 – 1,620 สำหรับ นักลงทุนระยะสั้น แนะนำ Trading ในกรอบ สำหรับนักลงทุนระยะยาว รอจังหวะ และทะยอยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว

สำหรับในมุมมองของกองทุน ETF ของสหรัฐ กองทุนรวมหุ้นสหรัฐมีเงินทุนใหม่ไหลเข้าสุทธิ 766 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ธ.ค.อันเป็นผลจากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันกองทุน exchange traded funds (ETF) มีเม็ดเงินลงทุนใหม่ไหลเข้าสุทธิ 6.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเชื่อกันว่ากองทุน ETF เป็นตัวบ่งชี้กลยุทธ์การลงทุนของนักลงทุนสถาบัน ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงมีความเห็นในเชิงลบต่อการลงทุนในทอง โดยถอนเงินทุนสุทธิ 1.4 พันล้านดอลลาร์จากกองทุน SPDR Gold Shares ของสเตท สตรีท ซึ่งนับเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันสำหรับการถอนเงินทุนสุทธิ และเป็นข้อมูลที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่มีการถอนเงินทุนสุทธิเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์ในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 24 ส.ค. ส่วนกองทุนทองและทรัพยากรธรรมชาติมีเงินทุนไหลออกสุทธิ 331 ล้านดอลลาร์ ราคาทองร่วงลงในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นขณะที่มีความวิตกว่าวิกฤติหนี้ยูโรโซนยังไม่ได้รับการแก้ไข และกำลังส่งผลกระทบต่อยูโร เนื่องจากทองมีราคาในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นทองจึงมีความน่าดึงดูดใจน้อยลงหากดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ

ทางด้าน ธนาคารต่างๆของอิตาลีได้เตรียมสำรองเงินทุนไว้เกือบครึ่งหนึ่งแล้วเพื่อรองรับความต้องการเงินทุนสำหรับปีหน้า หลังจากที่ธนาคารได้ขอสินเชื่อระยะยาวดอกเบี้ยต่ำวงเงิน 1.16 แสนล้านยูโรจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ทั้งนี้ การประมูลสินเชื่อระยะ 3 ปีเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของอีซีบีเมื่อวันพุธ (21 ธ.ค.) ได้รับการตอบรับอย่างหนาแน่น โดยมีการขอสินเชื่อ 4.89แสนล้านยูโรจากธนาคาร 523 แห่ง ซึ่งทำให้เกิดความหวังว่า ภาวะสินเชื่อตึงตัวจะสามารถหลีกเลี่ยงได้ และเม็ดเงินดังกล่าวอาจถูกนำไปใช้ในการซื้อพันธบัตรของอิตาลีและสเปน ขณะที่อีซีบีจะดำเนินการแบบเดียวกันอีกครั้งในเดือนก.พ.ปีหน้า เพื่อให้การช่วยเหลือโดยตรงแก่ธนาคารที่ต้องการเพิ่มทุน ผลการศึกษาโดยบริษัทอินเตอร์มอนเต้ ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ของอิตาลีระบุว่า เมื่อวันพุธ ธนาคารอิตาลีได้ทำการระดมทุน 42-44% จากจำนวนทั้งหมดแล้ว และได้ระดมทุนในตลาดทุนจำนวน 75-80% สำหรับปีหน้า ธนาคารอิตาลีได้ยุติการระดมทุนในตลาดพันธบัตรโดยสิ้นเชิงแล้วเนื่องจากภาวะตึงตัวในการระดมทุน และได้เพิ่มการพึ่งพาการกู้เงินดอกเบี้ยต่ำจากอีซีบี ในเดือนพ.ย. การให้สินเชื่อของอีซีบีแก่ธนาคารอิตาลีเพิ่มเป็น1.53 แสนล้านยูโร จาก 1.11 แสนล้านยูโรในเดือนต.ค. ขณะที่การให้สินเชื่อดังกล่าวอยู่ที่ 4.1 หมื่นล้านยูโรในเดือนมิ.ย.
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่
- 20.30 น. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนพ.ย.
- 20.30 น. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย.
- 22.00 น. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.
การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์หน้า (26-30 ธ.ค.) วันอังคาร ดัชนีการผลิตเขตมิดเวสต์เดือนพ.ย. ราคาบ้านเดือนต.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนธ.ค. วันพฤหัสบดี จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย. ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันศุกร์ ดัชนีภาวะธุรกิจรัฐนิวยอร์คเดือนธ.ค. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนธ.ค.

การวิเคราะห์ทางเทคนิค
++ ราคาทองคำมีแนวต้านที่ 1,620/1,630 และแนวรับที่ 1,590/1,580 ภาพทางเทคนิคในราย 240 นาที ราคาสูงสุดและต่ำสุด ลดต่ำลงกว่าเมื่อวาน แสดงแนวโน้มราคาอ่อนตัวลดลงในวันนี้ แนะนำ Trading ในกรอบ 1,580 – 1,620
++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับบริเวณ 29.0/28.6 USDต่อออนซ์ และ แนวต้านบริวณ 30.0/31.2 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 28.6 - 31.2 USDต่อออนซ์

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook....lassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
http://itunes.apple....d464234361?mt=8 https://plus.google....509313835/posts

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น