วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 20 ธันวาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 20 ธันวาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

ราคาทองคำมีแนวต้านที่ 1,610/1,620 และแนวรับที่ 1,585/1,578 สัญญาณทางเทคนิคในรายวันเป็นบวก นักลงทุนเปิด Long ไว้ถือต่อเพื่อทำกำไร บริเวณ 1,620 โดยมีจุด Stop Loss บริเวณ 1,585/1,578 หรือ Trading ในกรอบ 1,585 – 1,620

สร้างฐานบริเวณ 1,600

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 20 ธ.ค. อยู่ที่บริเวณ 1,599 USD ต่อออนซ์ โดยเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,588 – 1,600USD ต่อออนซ์ ราคาทองคำ rebound ขึ้นตั้งแต่วันศุกร์แต่เมื่อชนแนวต้านบริเวณ 1,600 / 1,610 ในวันอังคารมีแรงขายทำกำไร ราคาพยายามสร้างฐานบริเวณ 1,600 และมีโอกาสทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,620 อย่างไรก็ตามสถานการณ์หนี้ในยุโรปยังไม่ดีขึ้น เนื่องจากการระดมทุนให้กับ IMF จำนวน 2 แสนล้านยูโร เพื่อให้ความช่วยเหลือกับประเทศที่ประสบปัญหนี้ยังไม่ได้ครบตามจำนวนที่ต้องการ ส่วนการแถลงการณ์ของธนาคารยุโรปเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเงิน และสถานการณ์ของธนาคารพาณิชย์ต่างๆที่ต้องเผชิญความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ทำให้ตลาดเงินและตลาดหุ้นตอบรับในเชิงลบ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และดัชนีหุ้นในยุโรปปรับลดลง ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงอีก แต่ตลาดหุ้นในเอเชียส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก โดยนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นที่ปรับตัวลดลงก่อนหน้านี้

ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆโดยมีแนวโน้มจะผ่านแนวต้านบริเวณ 1,600 ได้ และกำลังสร้างฐานเพื่อขึ้นสู่แนวต้านถัดไปบริเวณ 1,620 ซึ่งอาจมีแรงขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน 1,610 / 1,620 แต่กรอบแนวรับยกตัวสูงขึ้น โดยแนวรับแรกอยู่ที่บริเวณ 1,585 – 1,590 และแนวรับถัดไปบริเวณเส้น MA 50 สัปดาห์บริเวณ 1,578 ราคายังยืนเหนือเส้น MA 50 สัปดาห์ได้ แสดงถึงแนวโน้มที่ดีขึ้น การปรับตัวขึ้นแนวต้านบริเวณ 1,620/ 1,650 อาจใช้เวลาสร้างฐานและแกว่งตัวอยู่ในกรอบบริเวณ 1,585 – 1,620 ก่อนถัดไปบริเวณ ภาพทางเทคนิคในระยะสั้น เส้น MA ราย 4 ช.ม. แสดงแนวโน้มราคาจะขึ้นไปทดสอบบริเวณแนวต้าน 1,610 ถ้าผ่านไปได้จะไปทดสอบเส้น MA 200 วันบริเวณ 1,620 ถ้ายืนเหนือ 1,620 ได้แสดงแนวโน้มที่ดีขึ้น ถ้าหากผ่านไปได้ในปลายสัปดาห์อาจไปถึงระดับ 1,640 – 1,650 การขึ้นชนแนวต้านในแต่ละระดับจะมีแรงขายทำกำไร ทำให้นักลงทุนสามารถซื้อ ขาย Trading ได้ในกรอบ 1,585 – 1,620 .ในช่วงต้นสัปดาห์ ส่วนในปลายสัปดาห์ ถ้าไม่หลุดเส้น MA 50 สัปดาห์บริเวณ 1,578 มีแนวโน้มสร้างฐานบริเวณเหนือ 1,600 เพื่อไปสู่แนวต้าน 1,620 / 1,640 โดยมีเป้าหมายของสัปดาห์ที่บริเวณ 1,640 ส่วนการหลุดแนวรับบริเวณ1,585/ 1,578 อาจลงไปที่ระดับ 1,550


ผลการประชุมของรมว.ยูโรโซน ในการระดมเงินทุน 2 แสนล้านยูโรให้แก่ IMF เพื่อเป็นเงินทุนช่วยเหลือประเทศที่ประสบปัญหาหนี้ ปรากฎว่ายังไม่ได้ครบตามเป้าหมาย เนื่องจาก อังกฤษปฏิเสธที่จะให้เงินกู้ ทำให้ในขณะนี้ได้เงินเพียง 1.5 แสนล้านยูโรจากธนาคารกลางของประเทศในยูโรโซน 17 ประเทศ ส่วนประเทศอื่น นอกยูโรโซน แสดงความประสงค์ที่จะให้ความช่วยเหลือแต่ต้องรอขออนุมัติจากรัฐสภาก่อน รวมถึงมีความพยายามที่จะขอความช่วยเหลือจาก G20 และประเทศที่มีศักยภาพสูง เช่น จีน และ รัสเซีย

ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กำลังเตรียมการในสัปดาห์นี้ เพื่อพยุงธนาคารในยูโรโซนด้วยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลา 3 ปีเพื่อกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อระหว่างธนาคาร และตลาดทุน ทั้งนี้ ธนาคารอาจจะได้รับเงินกู้ราว 2.50 แสนล้านยูโร (3.262 แสนล้านดอลลาร์) ในการประมูลสินเชื่อระยะ 3 ปีรอบแรกในวันพุธนี้ และหลายคนก็หวังว่าธนาคารเหล่านี้จะใช้เงินกู้ดังกล่าวไปซื้อพันธบัตรของประเทศในยูโร และทำให้อัตราผลตอบแทนลดลง

การแถลงการณ์ของประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ออกมาในเชิงลบมากขึ้นต่อสถานการณ์หนี้ในยุโรป และความเสี่ยงต่อระบบการเงิน และธนาคารพาณิชย์ อีซีบี แถลงเมื่อวานนี้ว่า ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินในยูโรโซนเพิ่มขึ้นมากในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยมีสาเหตุหลักมาจากการลุกลามของวิกฤติหนี้ และความตึงเครียดในการระดมทุนของธนาคารพาณิชย์ อีซีบีระบุว่า ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดนั้น เศรษฐกิจโลกอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อธนาคารพาณิชย์ที่มีสถานะอ่อนแอ นอกจากนี้อีซีบียังระบุอีกด้วยว่า โอกาสที่ธนาคารขนาดใหญ่สองแห่งจะผิดนัดชำระหนี้ในช่วงหนึ่งปีข้างหน้า ได้พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดนับตั้งแต่อีซีบีเริ่มต้นจัดทำตัวเลขนี้ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา รายงานระบุว่า "ในท้ายที่สุดนั้น การถ่ายโอนความตึงเครียดระหว่างหนี้สินรัฐบาลประเทศต่างๆ, ระหว่างธนาคารต่างๆ และระหว่างภาครัฐบาลกับภาคธนาคาร ได้ทวีความรุนแรงขึ้นจนก่อให้เกิดวิกฤติในระบบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์สเมื่อ 3 ปีก่อน"อีซีบีระบุถึงปัจจัยเสี่ยงสำคัญ 4 ประการ ซึ่งได้แก่ โอกาสที่วิกฤติจะลุกลามออกไปอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น, ความตึงเครียดในการระดมทุนในตลาด,ความเสี่ยงด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้นสำหรับธนาคาร โดยสัมพันธ์กับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และการคลายตัวอย่างฉับพลันของภาวะขาดสมดุลในเศรษฐกิจโลกอีซีบีระบุว่า การที่นักการเมืองตอบรับอย่างล่าช้าต่อวิกฤตินี้ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก และระบุว่า "กระบวนการให้สัตยาบันที่เต็มไปด้วยอุปสรรคดูเหมือนจะมีส่วนทำให้ความไม่แน่นอนในตลาดเพิ่มสูงขึ้น" อีซีบีระบุว่า "โอกาสที่ประเทศสมาชิกยูโรโซนจำนวนมากยิ่งขึ้นจะเผชิญความยากลำบากในการกู้เงินใหม่มาชำระหนี้เก่า (รีไฟแนนซ์) ยังคงถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เร่งด่วนที่สุดสำหรับเสถียรภาพทางการเงินในยูโรโซน"
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตามในวันอังคารได้แก่

20.30 น. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย.
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
++ ราคาทองคำมีแนวต้านที่ 1,610/1,620/1,640 และแนวรับที่ 1,585/1,578/1,550 สัญญาณทางเทคนิคในรายวันเป็นบวก นักลงทุนอาจเปิด Long ไว้ถือต่อเพื่อทำกำไร บริเวณ 1,620 โดยมีจุด Stop Loss บริเวณ 1,585/1,578 หรือ Trading ในกรอบ 1,585 – 1,620
++ ราคาโลหะเงินมีแนวแนวต้านบริเวณ 30.0/ 30.9 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 28.5 / 27.9 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 27.9 – 30.9 USDต่อออนซ์

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook....lassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
http://itunes.apple....d464234361?mt=8 https://plus.google....509313835/posts

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น