วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2554

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 14 ธันวาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 14 ธันวาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)


++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,617/1,600 แนวต้านที่ 1,655/1,666 ภาพกราฟรายวัน พบแรงขายต่อเนื่อง จนราคาลงมาแตะเส้น MA 200 วัน คาดว่าราคาจะ rebound กลับขึ้นมาบริเวณแนวต้าน 1,655/1,666 และมีแนวโน้มอ่อนตัวลงต่อ แนะนำเปิด Short เมื่อราคา rebound ขึ้นบริเวณแนวต้าน โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณแนวรับ

ภาพทางเทคนิคยังคงส่งสัญญาณลบ


ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 14 ธ.ค. อยู่ที่บริเวณ 1,639.51 USD ต่อออนซ์ เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,635 – 1,641 USD ต่อออนซ์ ราคาทองคำ Rebound ขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากร่วงลงไปแรงต่อเนื่องจากวานก่อน จนต่ำสุดที่ 1,622 เมื่อคืนวานนี้ ทั้งนี้ยังได้รับปัจจัยลบจากความวิตกเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ หลังจากผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป และอียู ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (8 – 9 ธ.ค.) ไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นว่ามาตราการที่ออกมาช่วยผ่อนคลายวิกฤตหนี้เท่าทีควร ประกอบกับนายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ออกมาคัดค้านการเพิ่มทุนทรัพย์ให้กับกองทุนยุโรป ส่งผลกดดันค่าเงินยูโรให้อ่อนตัวลงต่อเนื่อง และเมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ออกมาตรการใหม่ๆเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมเตือนว่า ภาวะปั่นป่วนในยุโรปเป็นความเสี่ยงที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ ส่งผลกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ รวมถึงทองคำด้วย ทั้งนี้ คาดว่า ราคาทองคำมีแนวโน้ม Rebound ไปแตะบริเวณ 1,655/1,666 และอาจมีแรงขายทำกำไรทำให้อ่อนตัวลงมาอีกครั้ง โดยหากหลุดเส้น MA 200 ที่บริเวณ 1,620 มีแนวโน้มเปลี่ยนเป็นขาลง

สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ระบุว่า พันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ธนาคารจำนวนมาก กำลังเผชิญความเสี่ยงจากการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ โดยเป็นผลจากประกาศเตือนของ S&P ในช่วงก่อนหน้านี้ที่ว่า S&P อาจปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศสมาชิกยูโรโซน 15 จาก 17 เนื่องจาก กิจการในสองภาคนี้กระจุกตัวอยู่ในยุโรป ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลยุโรป 25 รายการและธนาคารยุโรป 42 แห่งมีชื่ออยู่ในรายชื่อตราสารหนี้ที่อาจปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ

เฟด ไม่ได้ประกาศมาตรการใหม่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.) เนื่องจากอัตราการว่างงานในสหรัฐได้ลดลงสู่ระดับ 8.6 % ในเดือนพ.ย. และมีการปรับทบทวนตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐประจำ ไตรมาส 4 ให้สูงขึ้นจากเดิม ดังนั้นแถลงการณ์ล่าสุดของเฟดจึงมุ่งเป้าไปยังปัญหา ในระดับโลก โดยเฉพาะในยุโรป อย่างไรก็ตาม แม้เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดจะกลับไปใช้มาตรการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในปริมาณมากอีกครั้งเหมือนอย่างที่นักวิเคราะห์บางรายเคยคาดการณ์กันไว้โดยปัจจัยเหล่านี้ บ่งชี้ว่าเฟดอาจจะปรับเปลี่ยนนโยบายเพียงเล็กน้อยในช่วงก่อนถึงกลางปี 2013 ซึ่งเป็นช่วงที่ภาระผูกพันของเฟดในการตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับใกล้ 0 % หมดอายุลง

กองทุนไอเอ็มเอฟ คาดว่าเศรษฐกิจกรีซอาจหดตัวลงในปีหน้าในระดับที่รุนแรงกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้ โดยคาดว่า จีดีพี ของกรีซ จะหดตัวลง 6 % จากเดิมที่ 5.5 % เนื่องจากอุปสงค์ต่างประเทศอยู่ในภาวะที่ไม่น่าพึงพอใจมากยิ่งขึ้น,สินเชื่อธนาคารหดตัวลง และกรีซดำเนินการอย่างล่าช้าในการปฏิรูปเพื่อส่งเสริมความเชื่อมั่นของนักลงทุน อย่างไรก็ตามยังคงคาดการณ์ในทางบวกว่า การบรรลุข้อตกลงกับภาคเอกชนที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลกรีซจะช่วยให้กรีซมีความสามารถในการชำระหนี้อย่างยั่งยืน ขณะที่ ไอเอ็มเอฟ ปล่อยเงินช่วยเหลือวงเงิน 2.2 พันล้านยูโร (3 พันล้านดอลลาร์) ในสัปดาห์ที่แล้ว
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีปรับตัวขึ้นเมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.) ขณะที่นักลงทุนมีความกังวลต่อความเป็นไปได้ในการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศสมาชิกยูโรโซน ก่อนที่อิตาลีจะเสนอขายพันธบัตรประเภท 5 ปีในวันนี้ (14 ธ.ค.) ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอิตาลีประเภท 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดของเมื่อวานนี้ที่ 6.78 % และนักวิเคราะห์คาดว่าอัตราดังกล่าวอาจจะทะยานขึ้นสู่7 % ในเร็วๆนี้ โดยขึ้นอยู่กับว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะเข้าซื้อพันธบัตรในปริมาณมากเพียงใด ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอิตาลีประเภท 5 ปีอยู่ที่ราว6.86 %
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่
- 20.30 น. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย.
- 23.00 น. สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) เปิดเผย ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,617/1,600 แนวต้านที่ 1,655/1,666 ภาพกราฟรายวัน พบแรงขายต่อเนื่อง จนราคาลงมาแตะเส้น MA 200 วัน คาดว่าราคาจะ rebound กลับขึ้นมาบริเวณแนวต้าน 1,655/1,666 และมีแนวโน้มอ่อนตัวลงต่อ แนะนำเปิด Short เมื่อราคา rebound ขึ้นบริเวณแนวต้าน โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณแนวรับ
++ ราคาโลหะเงินมีแนวต้านบริเวณ 31.5/ 32.0 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 30.3 / 30.0 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 30.0 – 32.0 USDต่อออนซ์


อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook....lassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
http://itunes.apple....d464234361?mt=8 https://plus.google....509313835/posts

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น