วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)



++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,724/1,710 และแนวต้านที่ 1,750/1,760 กราฟรายวัน ภาพทางเทคนิคยังคงส่งสัญญาณบวก เนื่องจากราคาทองคำสามารถยืนเหนือเส้น MA ทุกเส้น และ MA 34 วัน มีแนวโน้มตัดขึ้น แต่เนื่องจากราคาทองคำอยู่ในโซน overbought อาจมีแรงขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน แต่หากราคาสามารถยืนเหนือ 1,745 มีโอกาสไปต่อที่ 1,750 – 1,760 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,710 – 1,760 นักลงทุนระยะสั้นปิดทำกำไรบริเวณแนวต้าน และรอเปิด Long เล่นรอบใหม่บริเวณแนวรับ

จับตาแนวต้านบริเวณ 1,745

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 1 ก.พ. อยู่ที่บริเวณ 1,738.78 USDต่อออนซ์ โดยเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,732 – 1,745 USD ต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับจตัวสุงขึ้น ตามค่าเงินยูโร หลังจากข้อมูลภาคการผลิตที่ดีเกินคาดของจีนช่วยหนุนความเชื่อมั่นในตลาด นอกจากนั้น แนวโน้มการแทรกแซงค่าเงินของญี่ปุ่น อาจกดดันให้ค่าเงิน USD อ่อนค่าลงได้ ซึ่งส่งผลดีต่อราคาทองคำ ทั้งนี้ ดอลลาร์ปรับตัวอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อเทียบกับเยนในวันนี้และมีแนวโน้มอ่อนค่าลงเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน โดยถูกกดดันจากการยืนยันของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยใกล้ระดับ 0%อย่างน้อยจนถึงปลายปี 2014 ขณะที่ ผลการเจรจาระหว่างเจ้าหนี้เอกชน และกรีซ ยังคงเป็นที่จับตาในสัปดาห์นี้ หากยังไม่ยังไม่ผลสรุป อาจกดดันราคาทองคำในระยะกลาง สำหรับในคืนนี้คาดว่า หากราคาทองคำสามารถยืนเหนือ 1,745 มีแนวโน้ม แตะที่บริเวณ 1,750/1,760 โดยคาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,724 – 1,760

นายจุน อาซูมิ รัฐมนตรีคลังของญี่ปุ่นกล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงเฝ้าระวังการแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของเงินสกุลเยนใน วันนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่า ญี่ปุ่นพร้อมที่จะเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตรา ซึ่งการแสดงความคิดเห็นของนายอาซูมิเป็นการตอกย้ำการแสดงความคิดเห็นของเขาใน ช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ในการเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อสกัดการแข็งค่าอย่าง มากของเงินสกุลเยนเมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์และสกุลอื่นๆ และมีผลกระทบในด้านลบต่อผู้ส่งออกของญี่ปุ่น ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์ได้อ่อนตัวลงในช่วงสั้นๆ สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนที่ 76.14 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก เนื่องจากเงินสกุลเยนได้ดึงดูดนักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากปัญหาวิกฤติหนี้สินในยุโรปและแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ณ วันที่ 31 ตุลาคม ค่าเงินสกุลดอลลาร์ได้ร่วงแตะสถิติต่ำสุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ 75.32 เยน กระตุ้นให้กระทรวงการคลังและธนาคารกลางของญี่ปุ่นต้องเข้าแทรกแซงเพื่อผลัก ดันค่าเงินดอลลาร์กลับคืนสู่ระดับสูงกว่า 79 เยน

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน เดือนม.ค. พุ่งขึ้นแตะระดับ 50.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของจีนมีการขยายตัว การพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค.ของจีน สะท้อนให้เห็นว่า แม้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง แต่ก็จะไม่ฉุดรั้งจนทำให้เศรษฐกิจต้องเผชิญกับ "ภาวะทรุดตัวลงอย่างหนัก" นอกจากนี้ ดัชนี PMI เดือนม.ค.ยังขยายตัวเหนือระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ด้วย ทั้งนี้ การที่รัฐบาลจีนพยายามใช้มาตรการควบคุมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่ให้เติบโตมาก จนเกินไป ประกอบกับอุปสงค์ทั่วโลกที่ซบเซาลง ได้ทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง อีกทั้งยังทำให้บริษัทเอกชนในมณฑลต่างๆในภูมิภาคชายฝั่งตอนใต้ของจีนที่ต้อง พึ่งพาการส่งออกเป็นหลักนั้น ต้องปิดกิจการจำนวนมาก และทำให้มีการเลิกจ้างพนักงานจำนวนหลายหมื่นคน



ภาคการผลิตของเยอรมนีมีการขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนในเดือนม.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจของเยอรมนีอาจสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้ ขณะที่เยอรมนีรับมือกับวิกฤติหนี้ยูโรโซนได้ดีกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของมาร์กิตเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 51.0ในเดือนม.ค. จาก 48.4 ในเดือนธ.ค. และสูงกว่าในผลสำรวจ PMI เบื้องต้นในปลายเดือนม.ค.อยู่ 0.1% ดัชนียังพุ่งขึ้นสูงกว่าระดับ 50 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้วซึ่งระดับ 50 เป็นระดับที่แบ่งแยกระหว่างการขยายตัวและการหดตัว
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่
- 20.15 น. ADP Employer Services เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือนม.ค.
- 22.00 น. สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค.
- 22.00 น. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนธ.ค.
- 23.00 น. สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

การวิเคราะห์ทางเทคนิค
++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,724/1,710 และแนวต้านที่ 1,750/1,760 กราฟรายวัน ภาพทางเทคนิคยังคงส่งสัญญาณบวก เนื่องจากราคาทองคำสามารถยืนเหนือเส้น MA ทุกเส้น และ MA 34 วัน มีแนวโน้มตัดขึ้น แต่เนื่องจากราคาทองคำอยู่ในโซน overbought อาจมีแรงขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน แต่หากราคาสามารถยืนเหนือ 1,745 มีโอกาสไปต่อที่ 1,750 – 1,760 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,710 – 1,760 นักลงทุนระยะสั้นปิดทำกำไรบริเวณแนวต้าน และรอเปิด Long เล่นรอบใหม่บริเวณแนวรับ
++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับบริเวณ 32.7/31.6 แนวต้านบริเวณ 34.3/35.3 แนะนำนักลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบ 31.6 – 35.3



อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook....lassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
http://itunes.apple....d464234361?mt=8
https://plus.google....509313835/posts
https://market.andro...les.classicgold

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น