วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

++ ราคาทองคำมีแนวรับบริเวณ 1,783/1,777 แนวต้านบริเวณ 1,794/1,803 กราฟในรายวันราคากลับมายืนเหนือเส้น MA ได้ทุกเส้นอีกครั้ง มีแนวโน้มไปต่อ แนะนำ Trading ในกรอบ 1,777 – 1,803 แนะนำนักลงทุนที่เปิด Long ทยอยปิดทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้าน 1,794 – 1,803 และถือต่อบางส่วนเพื่อ Let Profit run โดยมีจุด stop loss บริเวณ 1,740

เข้าใกล้แนวต้านสำคัญ 1,800

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 29 ก.พ. อยู่ที่บริเวณ 1,786.40 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,785 - 1,790 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำมีแนวโน้มทรงตัว หลังจากขึ้นไปแตะ High ใหม่ที่ 1,790 ขณะที่ นักลงทุนคาดว่าจะมีธนาคารจำนวนมากขอกู้เงินดอกเบี้ยต่ำระยะ 3 ปีจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องในระบบการเงิน ซึ่งจะเป็นแรงหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อไปได้ นอกจากนั้น การที่ภาพรวมทางเศรษฐกิจยูโรโซนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น รัฐบาลโปรตุเกสผ่านการตรวจสอบรอบที่ 3 คาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกในระยะถัดไป สำหรับภาพทางเทคนิค เมื่อราคาผ่านแนวต้านสำคัญ 1,780 และทะลุ High เดิมที่ 1,787 ส่งผลให้มีแรงซื้อต่อเนื่อง ประกอบกับราคาทองคำสามารถประคองตัวเหนือ MA ทุกเส้น ส่งสัญญาณบวก อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำมีแนวต้านใหญ่ที่ 1,800 นักลงทุนควรใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากอาจพบแรงขายทำกำไรเมื่อถึงบริเวณดังกล่าว คาดว่าในคืนนี้ อาจพบการย่อตัวเล็กน้อย หากไม่หลุด 1,780 เป้าหมายถัดไปที่ 1,794/1,803

ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งจะปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำรอบ 2 ระยะ 3 ปีในวันนี้ (29 ก.พ.) ให้กับธนาคารพาณิชย์เพื่อช่วยหนุนสภาพคล่องในระบบการธนาคารของภูมิภาค ซึ่งคาดการณ์ว่า อีซีบีจะจัดหาสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการธนาคารในวงเงินราว 5 แสนล้านยูโร และคาดว่า การปล่อยกู้ครั้งนี้จะถือเป็นการปล่อยกู้ในรูปแบบนี้เป็นครั้งสุดท้ายของอีซีบี อีซีบีเคยดำเนินมาตรการรีไฟแนนซ์ระยะยาว (Longer Term Refinancing Operation) หรือ LTRO ครั้งแรกในเดือนธ.ค. 2554 โดยปล่อยกู้ 4.89 แสนล้านยูโร ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวช่วยลดต้นทุนการกู้ยืมของอิตาลีกับสเปนให้ปรับตัวลดลง และยังช่วยให้ยูโรโซนสามารถหลีกเลี่ยงจากภาวะสินเชื่อหดตัวในเดือนม.ค.ด้วย


ความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจยูโรโซนปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนก.พ. ซึ่งถือเป็นการยืนยันว่ายุโรปกำลังเข้าสู่เสถียรภาพในวงกว้างยิ่งขึ้น และบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนอาจถดถอยเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในปีนี้ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในยูโรโซนปรับตัวขึ้น 1 จุดสู่ 94.4 ในเดือนก.พ. จาก 93.4 ในเดือนม.ค. โดยดัชนีเดือนก.พ.อยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 93.9 และกลับขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับเดือนต.ค. ทั้งนี้ คาดว่า เศรษฐกิจอาจฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ถ้าหากผู้นำอียูสามารถตกลงกันในการเพิ่มขนาดกองทุนรักษาเสถียรภาพยุโรปเพื่อลดความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้ของประเทศทางตอนใต้ของยุโรป รวมถึง การที่เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในไตรมาส 4/2011และการที่เศรษฐกิจเอเชียเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เป็น 2 ปัจจัยที่ช่วยหนุนความต้องการซื้อสินค้ายุโรปในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะสินค้าส่งออกของเยอรมนีที่มีคุณภาพสูง

รัฐบาลโปรตุเกสผ่านการตรวจสอบรอบที่ 3 ในเรื่องการดำเนินมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจจากเจ้าหนี้กลุ่มทรอยก้า ซึ่งประกอบด้วยสหภาพยุโรป (อียู), ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แล้ว ภายใต้มาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินมูลค่า 7.8 หมื่นล้านยูโร การทบทวนมาตรการดังกล่าวนั้น ครอบคลุมถึงการปฏิรูประบบการเงินและการเสริมสร้างภาคธนาคารของโปรตุเกสให้ แข็งแกร่ง ซึ่งการปฏิรูปโครงสร้างเช่นนี้จะช่วยกระตุ้นศักยภาพด้านการแข่งขันของ โปรตุเกส และตอบสนองความต้องการด้านการเงินของภาคเอกชนภายในประเทศด้วย การสอบผ่านการตรวจสอบครั้งที่ 3 จากกลุ่มทรอยก้าจะช่วยให้โปรตุเกสสามารถรับเงินกู้เบิกจ่ายงวดที่ 3 มูลค่า 1.46 หมื่นล้านยูโร หรือ 1.956 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม รมว.คลังโปรตุเกสคาดการณ์ว่า อัตราว่างงานภายในประเทศจะเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันที่ 14% เป็น 14.5% และคาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัวลง 3.3% ในปีนี้ ตรงข้ามกับที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้เมื่อเดือนต.ค.ว่า จะขยายตัว 2.2%

ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าว พันธบัตรของกรีซไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้ยืมของระบบยูโรโซน เมื่อพิจารณาจากปัจจัยชั่วคราว
รายได้ของธนาคารสหรัฐตลอดทั้งปี 2554 แตะระดับ 1.195 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2549 โดยธนาคารพาณิชย์และสถาบันออมเงินหลายแห่งที่อยู่ในความคุ้มครองของ FDIC มีกำไรทั้งสิ้น 2.63 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2554 ปรับเพิ่มขึ้น 22.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ธนาคารราว 63% เปิดเผยว่ารายรับสุทธิรายไตรมาสนั้นปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีธนาคารเพียง 18.9% เท่านั้นที่ไม่ทำกำไร โดยตัวเลขดังกล่าวปรับลดลงจากปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 27.1% ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2554 นั้น ธนาคารหลายแห่งมีสินทรัพย์มากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็น 82.5% ของรายรับสุทธิ แม้ว่าธนาคารเหล่าจะมีจำนวนเพียง 1.5% จากจำนวนธนาคารทั้งหมดก็ตาม
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่
- 20.30 น. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของ จีดีพี ไตรมาส 4/2554
- 21.45 น. สถาบันจัดการด้านอุปทาน(ISM)เขตชิคาโกเปิดเผยดัชนีการผลิตเขตมิดเวสต์เดือนก.พ.
- 22.00 น. สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานสหรัฐ (EIA) เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์
- 02.00 น. ธนาคารกลางสหรัฐเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book)

การวิเคราะห์ทางเทคนิค
++ ราคาทองคำมีแนวรับบริเวณ 1,783/1,777 แนวต้านบริเวณ 1,794/1,803 กราฟในรายวันราคากลับมายืนเหนือเส้น MA ได้ทุกเส้นอีกครั้ง มีแนวโน้มไปต่อ แนะนำ Trading ในกรอบ 1,777 – 1,803 แนะนำนักลงทุนที่เปิด Long ทยอยปิดทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้าน 1,794 – 1,803 และถือต่อบางส่วนเพื่อ Let Profit run โดยมีจุด stop loss บริเวณ 1,740
++ โลหะเงินมีแนวรับบริเวณ 36.0/35.0 แนวต้านบริเวณ 37.2/37.6 แนะนำนักลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบ 35.0 – 37.6

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook....lassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
http://itunes.apple....d464234361?mt=8 https://plus.google....509313835/posts https://market.andro...les.classicgold

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น