วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2555 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2555 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,744/1,730/1,700 แนวต้าน 1,767/1,780/1,788 ภาพทางเทคนิคในราย 240 นาที ราคาชนแนวต้านเดิมที่ 1,760 และ RSI เริ่มชี้ลง อาจพบการอ่อนตัวลงมาที่บริเวณแนวรับ แนะนำ Trading ในกรอบ 1,680 – 1,788 นักลงทุนระยะสั้นที่มีสถานะ Long ถือต่อโดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,767/1,780/1,788 ส่วนนักลงทุนที่ไม่มีสถานะรอเปิด Long บริเวณ 1,744 โดยมีจุด stop loss บริเวณ 1,723

หากไม่หลุด 1,738/1,744 มีโอกาสไปต่อ

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 22 ก.พ. อยู่ที่บริเวณ 1,756.01 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,754 - 1,759 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนวานนี้ หลังจากได้รับปัจจัยบวกจากกรีซ แต่หลังจากนั้น ราคาทองคำเริ่มทรงตัว และมีแนวโน้มปรับตัวลดลง เนื่องจาก นักลงทุนยังมีความวิตกต่อความสามารถของกรีซในการดำเนินมาตรการรัดเข็มขัดตามที่ตกลงกันไว้ภายใต้มาตรการช่วยเหลือรอบ 2 ขณะที่ นักลงทุนต่างรอปัจจัยใหม่ๆ จากผลการประชุมทางฝั่งยุโรป และกลุ่มจี 20 ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ซึ่งหากผลการประชุมดังกล่าวออกมาดี ก็จะเป็นแรงสนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อในระยะถัดไป สำหรับภาพทางเทคนิค เมื่อราคาชนแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1,760 หลายครั้งแล้วไม่ผ่าน มีแนวโน้มอ่อนตัวลงมา อย่างไรก็ตามภาพทางเทคนิคยังไม่เสีย หากราคาไม่หลุด 1,738/1,744 ดังนั้น หากไม่หลุด 1,738/1,744 แนะนำ นักลงทุนระยะสั้น เปิด Long ที่บริเวณแนวรับที่ 1,744/1,730 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณ 1,767/1,780

กลุ่ม จี-20 จะประชุมกันที่กรุงเม็กซิโก ซิตี้ในช่วงสุดสัปดาห์นี้วันที่ 25-26 ก.พ. โดยประเด็นสำคัญในการประชุมจะเป็นเรื่องวิกฤติหนี้ยุโรปในขณะที่ทั่วโลกต้องการเห็นยูโรโซนให้สัญญาว่าจะปรับเพิ่มขนาดกองทุนรักษาเสถียรภาพยูโรโซน ประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนาต่างก็ต้องการให้สหภาพยุโรป(อียู) ให้สัญญาว่า อียูจะทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อจำกัดผลกระทบจากวิกฤติหนี้ ซึ่งถ้าหากอียูสามารถสร้างความมั่นใจในเรื่องนี้ได้ ก็จะช่วยให้เจ้าหน้าที่จี-20สามารถเดินหน้าการหารือกันในเรื่องการปรับเพิ่มขนาดทุนทรัพย์ของกองทุน IMF เพื่อใช้ในการช่วยเหลือประเทศที่ได้รับความเสียหายจากวิกฤติหนี้ยูโรโซน โดย เจ้าหน้าที่ของประเทศกำลังพัฒนาอย่างเช่น บราซิล,อินเดีย และจีน จะเข้าร่วมในการประชุมด้วย โดยเสียงสนับสนุนจากทั้ง 3ประเทศนี้เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการเพิ่มขนาดทุนทรัพย์ของไอเอ็มเอฟ อย่างไรก็ดี เป็นที่คาดกันว่ารัฐมนตรีคลังและผู้นำธนาคารกลางของกลุ่มจี-20 จะยังไม่ตัดสินใจในประเด็นที่เฉพาะเจาะจงในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ก่อนที่ผู้นำอียูจะจัดการประชุมเกี่ยวกับกองทุนรักษาเสถียรภาพยูโรโซนในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟต้องการปรับเพิ่มขนาดทุนทรัพย์ขึ้นกว่า 2 เท่า โดยใช้วิธีระดมทุนเพิ่มเติม 6 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อนำเงินมาช่วยเหลือประเทศที่ได้รับความเสียหายจากวิกฤติหนี้ยูโรโซน อย่างไรก็ดี สหรัฐและแคนาดาคัดค้านแนวคิดนี้ และหลายประเทศที่อยู่นอกกลุ่มยูโรโซน ยังระบุว่า ยูโรโซนซึ่งประกอบด้วยสมาชิก17 ประเทศจำเป็นต้องเพิ่มเงินทุนของตนเองที่ใช้ในการควบคุมวิกฤตินี้ก่อน โดยอาจใช้วิธีรวมความสามารถทางการปล่อยกู้ของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป(EFSF) และกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) เข้าด้วยกัน ซึ่งจะส่งผลให้มีเงินทุนที่สามารถนำมาใช้ได้ราว 7.50 แสนล้านยูโร (9.92 แสนล้านดอลลาร์) โดย ผู้นำอียูจะตัดสินใจเรื่องการรวม EFSF ซึ่งเป็นกองทุนชั่วคราว เข้ากับESM ซึ่งเป็นกองทุนถาวร ในการประชุมสุดยอดของอียูในวันที่ 1-2 มี.ค.นี้ โดยร่างบทสรุปของการประชุมครั้งนี้ ระบุว่า อียูวางแผนที่จะเรียกร้องให้กลุ่มจี-20ปรับเพิ่มขนาดทุนทรัพย์ของไอเอ็มเอฟในเดือนเม.ย. โดยผู้กำหนดนโยบายของกลุ่มจี-20 จะประชุมกันที่กรุงวอชิงตันในเดือนดังกล่าว

จากผลสำรวจ ระบุว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) อาจปล่อยกู้เกือบ 5 แสนล้านยูโรแก่ธนาคารพาณิชย์ในอัตราดอกเบี้ยต่ำในวันพุธที่ 29 ก.พ. โดยผ่านทางปฏิบัติการรีไฟแนนซ์ระยะ 3 ปี ถึงแม้มีสัญญาณบ่งชี้ว่าสถาบันการเงินมีสภาพคล่องมากพอแล้ว ทั้งนี้ การปล่อยกู้ระยะยาวรอบแรกของอีซีบีช่วยลดแรงกดดันในตลาดพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซน และช่วยลดต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลสเปนและอิตาลีลงด้วย ดังนั้น การกู้เงินจากอีซีบีในเดือนนี้จะถือเป็นการทำประกันและเป็นการฉวยโอกาสทำประโยชน์จากข้อเสนอที่ดีมาก ซึ่งคาดว่า ธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มจะขอกู้เงินเพื่อใช้เป็นกันชนความปลอดภัย ถึงแม้ว่าสภาพคล่องในระบบอยู่ในระดับที่มากพอแล้ว

อิหร่าน เตรียมเดินหน้าเปิดตลาดใหม่ โดยได้เสนอขายน้ำมันให้กับประเทศอินเดียแทน เพราะเล็งเห็นว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพพอในการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านได้ ขณะที่โรงกลั่นน้ำมันในอินเดียยังไม่ได้ตัดสินใจรับข้อเสนอ แต่รัฐบาลอินเดียมีนโยบายเปิดกว้างที่จะเพิ่มการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน และปฏิเสธที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านตามสหรัฐฯ และยุโรป ทั้งนี้ กลุ่มสหภาพยุโรป หรือ อียู ประกาศคว่ำบาตร ไม่นำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2012 ขณะที่ อิหร่าน ได้ตอบโต้ต่อกลุ่มสหภาพยุโรป โดยได้ยกเลิกการส่งออกน้ำมันไปยังประเทศอังกฤษ และฝรั่งเศส แล้ว และมีแนวโน้มระงับการส่งออกน้ำมันให้แก่ 6 ประเทศของอียู ซึ่งรวมถึงโปรตุเกส สเปน กรีซ อิตาลี เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ ซึ่งจะส่งผลให้อิหร่านมีน้ำมันดิบที่ยังไม่มีตลาดรองรับอยู่ในระดับ 400,000 บาร์เรล ต่อวัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่
- 22.00 น. สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค.
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,744/1,730/1,700 แนวต้าน 1,767/1,780/1,788 ภาพทางเทคนิคในราย 240 นาที ราคาชนแนวต้านเดิมที่ 1,760 และ RSI เริ่มชี้ลง อาจพบการอ่อนตัวลงมาที่บริเวณแนวรับ แนะนำ Trading ในกรอบ 1,680 – 1,788 นักลงทุนระยะสั้นที่มีสถานะ Long ถือต่อโดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,767/1,780/1,788 ส่วนนักลงทุนที่ไม่มีสถานะรอเปิด Long บริเวณ 1,744 โดยมีจุด stop loss บริเวณ 1,723
++ โลหะเงินมีแนวรับบริเวณ 33.6/32.5 แนวต้านบริเวณ 34.5/34.9 แนะนำนักลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบ 32.5 – 34.9


อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook....lassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
http://itunes.apple....d464234361?mt=8 https://plus.google....509313835/posts https://market.andro...les.classicgold

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น