บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)
ราคาทองคำปิดเพิ่มขึ้น 0.90 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,696.8 USDต่อออนซ์ ตลาด COMEX ปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยมีแรงซื้อในตลาด Physical ในช่วงราคาอ่อนตัว แต่มีการขายทำกำไรในช่วงแนวต้าน โดยนักลงทุนยังเน้นการถือเงินสดเนื่องจากความกังวลในวิกฤตหนี้ของยุโรป
o ราคาทองคำปิดเพิ่มขึ้น 0.90 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,687.29 – 1,704.83 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยมีแรงซื้อในช่วงราคาอ่อนตัวในตลาด Physical และการซื้อสะสมของกองทุน ETF เพิ่มขึ้นเป็น 2,350.8 ตัน แต่ในช่วงเช้าวันนี้ราคาเคลื่อนไหวลดลงอยู่ระหว่าง 1,692 – 1,693 USDต่อออนซ์ โดยนักลงทุนยังเน้นการถือเงินสด เนื่องจากความกังวลในเรื่องวิกฤตหนี้ของยุโรป เมื่อนายกรัฐมนตรีเยอรมันไม่เห็นด้วยกับการยูโรบอนด์ และเยอรมันไม่สามารถขายพันธบัตรัฐบาลได้หมดตามเป้าหมาย ทำให้มีความกังวลว่าวิกฤติหนี้ของยุโรปจะลุกลามออกไป โดยในระยะต่อไป ทองคำมีแนวโน้มอ่อนค่าลงอีกได้ ถ้าหากวิกฤตหนี้ของยุโรปยังสร้างความกังวลให้กับนักลงทุน และนักลงทุนหันมาถือเงินสดมากขึ้น ทำให้ค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้น กดดันราคาทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ
o ราคาปิดยังยืนเหนือ 1,690 USDต่อออนซ์ได้ โดยนักลงทุนเข้าซื้อบริเวณใกล้แนวรับบริเวณ 1,687 – 1,690 โดยมีแรงซื้อจากตลาด physical ในช่วงอ่อนตัว ทำให้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นว่า ราคาทองคำยังเป็นขาขึ้นในระยะยาว อย่างไรก็ตามการที่ราคายังไม่สามารถผ่านบริเวณ 1,705 – 1,710 ไปได้ แสดงว่ายังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามาเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุน คาดว่า ราคาในวันนี้มีแนวโน้ม side way ในกรอบแนวรับบริเวณ 1,685/ 1,675 และแนวต้านบริเวณ 1,705/1,715 แนะนำนักลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบ 1,675 – 1,715 โดยถ้าราคาปิดยืนเหนือ 1,715 ได้จะเป็นสัญญาณบวกและอาจขึ้นไปถึงแนวต้าน 1,725 / 1,740 แต่ถ้าราคาปิดลดลงมาใกล้บริเวณ 1,675/1,670 คาดว่าในสัปดาห์หน้าอาจมีแรงขายทำให้ราคาปรับลดลงไปบริเวณ 1,665/1,640 ส่วนนักลงทุนระยะยาวทยอยสะสม Long บริเวณแนวรับ 1,665/ 1,640 หากราคาไม่สามารถยืนเหนือ 1,670 ได้
o นายกรัฐมนตรีเยอรมนี คัดค้านการออกพันธบัตรยูโรโซนหลังจากประชุมกับผู้นำ ฝรั่งเศสและอิตาลี นอกจากนี้ยังคงคัดค้านการปรับเปลี่ยนบทบาทของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เพื่อช่วยในการแก้วิกฤติด้วย ส่งผลให้เกิดความกังวลว่า ผู้กำหนดนโยบายจะไม่สามารถบรรลุความเห็นที่ตรงกันในการแก้ไขวิกฤติหนี้สินได้
o ฟิทช์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของโปรตุเกสลงสู่สถานะขยะ จาก BBB- ลงสู่ BB+ รัฐบาลเบลเยียมหวังที่จะพึ่งพารัฐบาลฝรั่งเศสให้จ่ายเงินเพิ่มเติมเพื่อให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินแก่ธนาคารเด็กเซียภายใต้โครงการช่วยเหลือฉุกเฉินวงเงิน 9 หมื่นล้านยูโรแต่อาจจะถูกนำมาพิจารณาทบทวนใหม่อีกครั้ง เนื่องจากฝรั่งเศสกับเบลเยียมมีความขัดแย้งกันในเรื่องมาตรการค้ำประกันการระดมทุนระยะสั้น
o ปัจจัยลบที่กดดันราคาทองคำในช่วงนี้ คือ การแข็งค่าของเงิน USD และการขาดสภาพคล่องของประเทศในยูโรโซน ส่วนปัจจัยบวก ได้แก่ การคาดการณ์ว่าสหรัฐ อังกฤษ ธนาคารกลางยุโรป และ IMF จะเพิ่มการอัดฉีดสภาพคล่องให้กับระบบการเงิน เช่น การใช้มาตรการ QE ส่วนปัญหาวิกฤตหนี้ของยูโรโซน และการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำของสหรัฐยังเป็นปัจจัยบวกในระยะยาวสำหรับทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่วนในระยะสั้นการแข็งค่าของเงิน USD ทีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองคำหลุดแนวรับ อาจลงมาที่ระดับ 1,640 / 1,600
o ราคาโลหะเงินปิดลดลง 0.18 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 31.7 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 31.5 – 32.2 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,627.88 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 32.8/ 33.0 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 31.0/30.5 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 30.5– 33.0 USDต่อออนซ์
o SPDR ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,297.32 ตัน
แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,640 – 1,736 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,640 – 1,736
แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,600 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว
อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook....lassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
http://itunes.apple....d464234361?mt=8
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น