บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)
ราคาทองคำปิดลดลง 46.50 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,678.60 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปิดลดลงแรงจากปัจจัยทางเทคนิค และความกังวลในเรื่องหนี้สินของยุโรปและสหรัฐ
o ราคาทองคำปิดลดลง 46.50 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,667.10 – 1,727.40 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปิดลดลงแรง 2.70% เมื่อ Super Committee ออกแถลงการณ์ว่าไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณลง มูลค่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้าได้ก่อนกำหนดเส้นตายวันพุธนี้ และความกังวลในเรื่องหนี้สินของยุโรป เมื่อมูดีส์เตือนฝรั่งเศสว่าอาจถูกปรับลดอันดับเครดิต และธนาคารกลางเยอรมนีระบุในรายงานประจำเดือนพ.ย.ว่า เศรษฐกิจของประเทศอาจชะลอตัวจนเกือบหยุดนิ่งในปีหน้า เนื่องจากวิกฤตหนี้ในภูมิภาคส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกของเยอรมนี ทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง และ USD แข็งค่าขึ้น นักลงทุนขายสินทรัพย์เสี่ยง รวมทั้งทองคำเพื่อถือเงินสด โดยดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปรับลดลง 2.11% ส่วนตลาดหุ้นยุโรปลดลง 2 – 3% ราคาน้ำมันปรับลดลงอีก 0.77%
o ราคาทองคำปรับลดลงประมาณ 6% แล้วจาก 4 วันทำการที่ผ่านมา และราคาร่วงลงแรงอีกครั้งเมื่อวานนี้ เมื่อหลุดแนวรับ 1,710 – 1,700 ทำให้ลงมาปิดที่แนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 25 สัปดาห์ที่ 1,678 และมีแนวรับถัดไปที่เส้นค่าเฉลี่ย 34 สัปดาห์ที่บริเวณ 1,635 ถ้าดูกราฟในราย 60 นาทีมีแนวโน้ม rebound ขึ้นมาโดยมีแนวต้านบริเวณ 1,700 / 1,710 ในระยะสัปดาห์มีโอกาสปรับลดลงต่อที่บริเวณ 1,635 / 1,600 นักลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบ 1,665 – 1,710 ส่วนนักลงทุนระยะยาวทะยอยสะสมที่แนวรับบริเวณ 1,635
o ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำของราคาทองคำในเช้าวันนี้เคลื่อนไหวระหว่าง 1,666 – 1,682 USDต่อออนซ์ โดยมีแนวรับในระดับวันบริเวณ 1,666 / 1,640 ส่วนแนวต้านมีที่บริเวณ 1,700 / 1,710 คำแนะนำ นักลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบ 1,640 – 1,710 เมื่อวันศุกร์กองทุน SPDR ขายทองคำออก 1.82 ตัน
o ปัจจัยลบที่กดดันราคาทองคำในช่วงนี้ คือ การแข็งค่าของเงิน USD และการขาดสภาพคล่องของประเทศในยูโรโซน ส่วนปัจจัยบวก ได้แก่ การคาดการณ์ว่าสหรัฐ อังกฤษ และธนาคารกลางยุโรปจะเพิ่มการอัดฉีดสภาพคล่องให้กับระบบการเงิน เช่น การใช้มาตรการ QE ส่วนปัญหาวิกฤตหนี้ของยูโรโซน และการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำของสหรัฐยังเป็นปัจจัยบวกในระยะยาวสำหรับทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่วนในระยะสั้นการแข็งค่าของเงิน USD ทีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองคำหลุดแนวรับ อาจลงมาที่ระดับ 1,635 / 1,600
o ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันอังคาร ตัวเลข GDP ที่แท้จริงประจำไตรมาส 3/2011 วันพุธ รายได้ส่วนบุคคลเดือนต.ค. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค.ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนพ.ย. วันพฤหัสและวันศุกร์ไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ เนื่องจากหน่วยงานราชการปิด เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
o ราคาโลหะเงินปิดลดลง 1.30 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 31.12 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 30.65 – 32.42 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,715.63 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 32.5/ 33.0 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 30.5/29.80 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 29.80 – 33.0 USDต่อออนซ์
o SPDR ขายทองคำออก 1.82 ตันถือทองคำจำนวน 1,291.27 ตัน
แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,640 – 1,710 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,640 – 1,710
แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,600 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว
อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook....lassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
http://itunes.apple....d464234361?mt=8
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น