บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)
ราคาทองคำปิดเพิ่มขึ้น 23.8 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,702.4 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปิดเพิ่มขึ้นใกล้ Strike Price ของสัญญาออปชั่นที่หมดอายุเมื่อวานนี้
o ราคาทองคำปิดเพิ่มขึ้น 23.8 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,667.50 – 1,706.40 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปิดเพิ่มขึ้นกว่า 1% เมื่อมีแรงซื้อเพื่อปิดสถานะสัญญาออปชั่นที่ครบกำหนดสัญญาในวันที่ 22 พ.ย. ราคาปรับสูงขึ้นเข้าใกล้ 1,700 USDต่อออนซ์ซึ่งเป็น Strike price ถ้าหากจะขึ้นต่อต้องรักษาระดับความเคลื่อนไหวของราคาไม่ให้หลุดแนวรับบริเวณ 1,690 ถ้าหลุดบริเวณนี้ แนวรับถัดไปที่บริเวณ เส้นค่าเฉลี่ย 34 สัปดาห์ที่บริเวณ 1,635 และเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันบริเวณ 1,596 นักลงทุนระยะสั้นที่เปิดสถานะ Long ไว้ปิดทำกำไรบริเวณ 1,713 บริเวณแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน และถ้าผ่านแนวนี้ไปได้ให้เปิด Long อีกครั้ง โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 1,736 หรือถ้าไม่ผ่านบริเวณ 1,713 ให้เปิด Short โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,680/1,670/1,635 ส่วนนักลงทุนระยะยาวทยอยสะสม Long บริเวณแนวรับ 1,635/ 1,596 หากราคาไม่สามารถยืนเหนือ 1,670/ 1,665 ได้
o ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำของราคาทองคำในเช้าวันนี้เคลื่อนไหวระหว่าง 1,695 – 1,708 USDต่อออนซ์ ราคามีแนวโน้มจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,713 – 1,736 คาดว่าจะไม่สามารถผ่านบริเวณแนวต้านบริเวณ 1,736 ไปได้
o สถานการณ์หนี้ในยูโรโซนมีเสถียรภาพมากขึ้น เมื่อ IMF จะเพิ่มสภาพคล่องให้กับประเทศที่มีปัญหาในยูโรโซน และรมว.คลังของยูโรโซนพร้อมจะให้เงินช่วยเหลือแก่กรีซจำนวน 8 พันล้านยูโร ในการประชุมครั้งต่อไปที่จะมีขึ้นในปลายเดือนนี้
o ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดร่วงลงอีก 53.59 จุดหรือ 0.46% โดยมีปริมาณซื้อขายเบาบาง เนื่องจากใกล้วันหยุดในช่วงวันขอบคุณพระเจ้า และปัจจัยลบจากความกังวลในเรื่องหนี้สินของยุโรปเมื่ออัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลของสเปนพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง นอกจากนี้การประกาศ GDP ไตรมาสที่ 3 ของสหรัฐลดลงเหลือ 2.0% ต่ำกว่า 2.5% กดดันให้ค่าเงิน USD อ่อนค่าลง ราคาน้ำมันดิบ Nymex พุ่งขึ้น 1.12% เมื่อนักลงทุนกังวลต่อการคว่ำบาตรอิหร่านจะทำให้เกิดภาวะไร้เสถียรภาพในตะวันออกกลาง และเข้าใกล้วันหยุดยาวที่จะมีความการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น
o ปัจจัยลบที่กดดันราคาทองคำในช่วงนี้ คือ การแข็งค่าของเงิน USD และการขาดสภาพคล่องของประเทศในยูโรโซน ส่วนปัจจัยบวก ได้แก่ การคาดการณ์ว่าสหรัฐ อังกฤษ ธนาคารกลางยุโรปและ IMF จะเพิ่มการอัดฉีดสภาพคล่องให้กับระบบการเงิน เช่น การใช้มาตรการ QE ส่วนปัญหาวิกฤตหนี้ของยูโรโซน และการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำของสหรัฐยังเป็นปัจจัยบวกในระยะยาวสำหรับทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่วนในระยะสั้นการแข็งค่าของเงิน USD ทีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองคำหลุดแนวรับ อาจลงมาที่ระดับ 1,635 / 1,600
o ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันพุธ รายได้ส่วนบุคคลเดือนต.ค. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค.ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนพ.ย. วันพฤหัสและวันศุกร์ไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ เนื่องจากหน่วยงานราชการปิด เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
o ราคาโลหะเงินปิดเพิ่มขึ้น 1.84 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 32.95 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 31.16 – 33.04 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ขายโลหะเงินออก 30.26 ตัน ถือโลหะเงินจำนวน 9,685.37 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 33.05/ 33.6 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 31.7/30.7 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 30.7 – 33.6 USDต่อออนซ์
o SPDR ซื้อทองคำ 6.05 ตันถือทองคำจำนวน 1,297.32 ตัน
แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,640 – 1,736 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,640 – 1,736
แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,600 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว
อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook....lassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
http://itunes.apple....d464234361?mt=8
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น