วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 27 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 27 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)


++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,688 1,670 แนวต้านที่ 1,728 1,775 ภาพกราฟราย 60 นาที ระยะสั้นคาดราคาอาจพักตัว แนะนำรอเปิด Long ที่แนวรับ 1,688/1,670 และโดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,728

พักฐานเพื่อไปต่อ

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 27 ต.ค. อยู่ที่ 1,725.75 USDต่อออนซ์ ในระหว่างวันเคลื่อนไหวระหว่าง 1,707 - 1,728 USDต่อออนซ์ ราคาเริ่มพักตัวหลังจากที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 4 วัน ในระหว่างวันราคามีแนวโน้มปรับตัวลดลง สวนทางกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ต่างปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะหุ้นในตลาดยุโรป เมื่อผลการประชุมของผู้นำยุโรปวานนี้ (26 ต.ค.) เกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ในยุโปเริ่มมีความคืบหน้า แม้จะยังไม่มีความชัดเจนในหลายประเด็น ประกอบกับมีแรงขายทำกำไรออกมาเมื่อราคาสูงขึ้นมาก อย่างไรก็ตามราคาทองคำยังทรงตัวเหนือแนวต้านสำคัญที่ 1,700 ได้ คาดว่าราคาปรับลดลงมาเพื่อพักฐานก่อนที่จะปรับเพิ่มสูงขึ้นต่อในระยะถัดไป โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการทองคำในช่วงเทศกาลดิวาลีของอินเดีย ซึ่งเป็นเทศกาลที่ประชาชนชาวฮินดูต้องการซื้อทองตามความเชื่อทางศาสนา ประกอบกับนักลงทุนยังไม่เชื่อมั่นว่าการแก้ไขปัญหาในกลุ่มยูโรโซนจะดำเนินการได้ในเร็ววันนี้ ซึ่งเป็นแรงหนุนให้มีแรงซื้อทองคำต่อ ในฐานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งนี้นักลงทุนรอผลการประชุมของ G20 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3-4 พ.ย. นี้ หากพิจารณากราฟทางเทคนิคราย 4 ช.ม.แล้ว ราคาหลุดเส้น MA 9 วัน และ MACD มีแนวโน้มเป็นบวกลดลง คาดว่าราคาจะปรับฐานมาอยู่ที่ 1,688 ก่อนที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อในระยะถัดไป

สำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปสามารถบรรลุข้อตกลงแก้ไขวิกฤตหนี้ได้ โดยประธานาธิบดีนิฝรั่งเศส เปิดเผยว่า กองทุนกู้วิกฤตยูโรโซนจะขยายวงเงินเพิ่มเป็น 1 ล้านล้านยูโร (1.4 ล้านล้านดอลลาร์) ขณะที่แบงก์เอกชนซึ่งถือตราสารหนี้กรีซยอมที่จะปรับลดมูลค่าหนี้กรีซลง 50% โดยกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านล้านยูโร หลังจากที่รัฐบาลของประเทศต่างๆในยุโรปเห็นชอบมาตรการเพิ่มวงเงินค้ำประกัน ถึง 4-5 เท่า ด้านประธานสภายุโรป กล่าวว่ากองทุนกู้วิกฤต EFSF วงเงิน 1 ล้านล้านยูโร จะพร้อมดำเนินการได้ภายในช่วงสิ้นปีนี้ เพื่อช่วยให้กรีซลดหนี้สาธารณะลงเหลือ 120% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในปี 2563 นอกจากนั้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวนั้น ความร่วมมือโดยสมัครใจของเจ้าหนี้เอกชนที่ปล่อยกู้ให้กับกรีซถือเป็นเรื่อง ที่จำเป็น ซึ่งภาคเอกชนที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลกรีซได้เห็นชอบที่จะปรับลดมูลค่าหนี้ กรีซลง 50%

ผลพวงจากวิกฤติหนี้ยุโรปแพร่ขยายไปยังประเทศอังกฤษ ส่งผลให้มีโอกาสสูงที่อาจจะประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอยอีกครั้ง และอังกฤษอาจจำเป็นต้องเข้าซื้อสินทรัพย์เพิ่มเติมหลังจากการเข้าซื้อรอบปัจจุบันสิ้นสุดลง เศรษฐกิจอังกฤษแทบไม่ได้เติบโตขึ้นเลยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ในขณะที่อัตราการว่างงานเริ่มปรับขึ้นอีกครั้ง ทางด้านผู้บริโภคปรับลดการจับจ่ายใช้สอยในขณะที่ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น, ภาษีเพิ่มขึ้น แต่ค่าจ้างปรับขึ้นอย่างเชื่องช้า ขณะที่อัตราเงินเฟ้ออังกฤษได้ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดรอบ 3 ปีที่ 5.2 % ในเดือนก.ย.โดย BOE มองว่าการดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ครั้งล่าสุดนี้ถือเป็นสิ่งที่เหมาะสมเพราะอัตราเงินเฟ้ออาจแตะจุดสูงสุดไปแล้วที่ระดับดังกล่าว นอกจากนี้ถ้าหากไม่มีมาตรการ QE อัตราเงินเฟ้ออังกฤษก็มีแนวโน้มที่จะร่วงผ่านระดับเป้าหมายที่ 2 % ลงมาในระยะกลางด้วย โดยเป็นผลจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลก นายฟิชเชอร์กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้ออังกฤษอาจจะร่วงลงอย่างรุนแรงในช่วงต้นปีหน้า เมื่อปัจจัยชั่วคราวอย่างเช่นการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ไม่ได้ส่งผลกระทบอีกต่อไป


ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศลงเหลือ 0.3% ในปีงบประมาณ 2554 และ 2.2% สำหรับปีงบประมาณ 2555 ขณะที่เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางได้คาดการณ์การขยายตัวของจีดีพีไว้ที่ 0.4% และ 2.9% ตามลำดับ นอกจากนี้ ในรายงานรอบครึ่งปีที่เผยแพร่ในวันนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นยังได้ประเมินว่า เศรษฐกิจของประเทศในปีงบประมาณ 2556 จะขยายตัวในอัตรา 1.5% พร้อมกันนี้ ธนาคารกลางระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานของประเทศ ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสดที่ผันผวน จะทรงตัวในปีงบประมาณ 2554 และขยายตัว 0.1% ในปีงบประมาณ 2555 ซึ่งเป็นการปรับทบทวนลงจากการคาดการณ์ครั้งก่อน สำหรับปีงบประมาณ 2556 นั้น ธนาคารกลางคาดว่า CPI พื้นฐานจะขยายตัว 0.5%

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยเผื่อเรียกข้ามคืนไว้ที่ 0-0.10% ในการประชุมวันนี้ แต่ได้ประกาศผ่อนคลายนโยบายลงมากขึ้นด้วยการเพิ่มมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ทั้งนี้ บีโอเจจะใช้เงินอีก 5 ล้านล้านเยนเพื่อซื้อสินทรัพย์ในตลาดรอง โดยเพิ่มวงเงินซื้อขึ้นเป็น 20 ล้านล้านเยน โดยบีโอเจได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ย แต่ลงมติด้วยคะแนนเสียง 8-1ให้เพิ่มวงเงินมาตรการ QE โดยนายเรียวโซะ มิยาโอะ เป็นผู้ที่ลงมติคัดค้าน
ตัวเลขสำคัญของสหรัฐที่ต้องติดตาม
- 19.30 น. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
- 19.30 น. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 3/2554
- 21.00 น. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกเปิดเผยดัชนีการผลิตเขตมิดเวสต์เดือนก.ย.
- 21.00 น. สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขายเดือนก.ย.

การวิเคราะห์ทางเทคนิค
++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,688 1,670 แนวต้านที่ 1,728 1,775 ภาพกราฟราย 60 นาที ระยะสั้นคาดราคาอาจพักตัว แนะนำรอเปิด Long ที่
แนวรับ 1,688/1,670 และโดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,728
++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 32.7 31.0 แนวต้านที่ 33.95 35.0 ภาพกราฟราย 240 นาที ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 31.5 – 33.9 แนะนำ Trading
ในกรอบ

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook....lassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
http://itunes.apple....d464234361?mt=8

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น