วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 3 เมษายน 2555 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 3 เมษายน 2555 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

ติดตามผลการประชุมเฟดในคืนนี้

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 3 เม.ย. อยู่ที่บริเวณ 1,678 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,676 - 1,680 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบแคบๆ เมื่อมีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบเข้ามากระทบ และรอข่าวการแถลงผลการประชุมของเฟดในคืนวันที่ 3 เม.ย. โดยก่อนหน้านี้ราคาปรับตัวบวกขึ้นได้ติดต่อกัน 2 วัน ภาพทางเทคนิคระยะสั้นมีแนวโน้มดีขึ้น เมื่อสามารถยืนเหนือ 1,670 USDต่อออนซ์ได้ มีแนวโน้มจะไปต่อที่บริเวณ 1,700 USDต่อออนซ์ โดยมีปัจจัยบวกที่สนับสนุนได้แก่ การอ่อนค่าของเงิน USD การปรับสูงขึ้นของราคาน้ำมัน และการเข้ามาซื้อของกองทุนต่างๆรวมถึงเฮดจ์ฟันด์ในสัปดาห์ก่อน ส่วนปัจจัยลบ ได้แก่ ตัวเลขการว่างงานของยูโรโซนที่พุ่งขึ้นมาที่ระดับ 10.8% สูงสุดในรอบ 14 ปี และธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐอาจถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ ธนาคารเหล่านั้นได้แก่ มอร์แกนสแตนเลย์ แบงค์ออฟอเมริกา และซิตี้กรุ๊ป โดยภาพทางเทคนิคในระยะสั้น ราคายืนเหนือ 1,670 ได้แต่กรอบการขึ้นยังค่อนข้างจำกัด ทำให้ราคามีความเคลื่อนไหวเป็นลักษณะ sideway โดยมีปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของเงิน USD และการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน ถูกบั่นทอนด้วยความไม่มั่นใจต่อเศรษฐกิจของยูโรโซน และการที่เฟดยังไม่ส่งสัญญาณการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยมีเป้าหมายบริเวณ 1,700 ส่วนแนวรับในระหว่างวันขยับขึ้นมาเป็น 1,670/1,660 นะนำ Trading ในกรอบ 1,660 – 1,700

เฟดส่งสัญญาณยังไม่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ประธานเฟดสาขา คลีฟแลนด์ กล่าวว่า นโยบายการเงินในขณะนี้มีความเหมาะสมที่จะทำให้มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเพิ่มการจ้างงาน รวมถึงการรักษาเสถียรภาพทางราคา ทำให้คาดว่าจะไม่มีนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมในเร็วๆนี้ และคงต้องรอเวลาอีกซักระยะหนึ่งก่อน ที่จะมีมาตรการใหม่ๆ
ค่าเงิน USD มีอ่อนค่าลง ดัชนีค่าเงินดอลล่าร์อ่อนตัวลงจากระดับ 80.74 เมื่อวันที่ 15 มี.ค โดยอ่อนค่าลงมาที่ระดับ 78.75 หรือลดลง 2.46% เนื่องจากเงินเยนแข็งค่า และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ส่วนค่าเงินยูโร อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงิน USD เมื่อมีการเปิดเผยตัวเลขการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น และภารการผลิตที่อ่อนแอลงของยูโรโซน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซน หดตัวลงแตะ 47.7 จุดในเดือนมีนาคม จาก 49 จุดในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นการหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 ในขณะที่ ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ของสหรัฐปรับตัวขึ้นแตะ 53.4 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 52.4 ในเดือนก.พ. ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 53

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นกว่า 2% ในวันจันทร์ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาสดใส และความล่าช้าในการขนถ่ายน้ำมันในทะเลเหนือ ส่วนตัวเลขสต๊อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธที่ 4 เม.ย. ซึ่งโพล์รอยเตอร์คาดว่า สต๊อกน้ำมันดิบอาจเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล

IMF จับตา รมว.คลัง G 20 จะประชุมกัน 20 เม.ย.ในการเพิ่มทุนให้ IMF ต่อสู้กับวิกฤตโลก ภายหลังจากรมว.คลังยูโรโซนมีมติเพิ่มขนาดกองทุนเพื่อช่วยเหลือประเทศที่ประสบปัญหาหนี้ในยูโรโซนจาก 5 แสนล้านยูโร เป็น 7 แสนล้านยูโรไปแล้วนั้น ทางยูโรโซนกำลังผลักดันประเทศอื่นๆให้เงินสมทบแก่ IMF มากขึ้น เพื่อให้ IMF มีส่วนเข้าไปกู้วิกฤตหนี้ยูโรโซนได้มากขึ้น ซึ่งทางญี่ปุ่น และจีนกำลังจะประชุมกันในวันที่ 7 เม.ย. โดยการประชุมจะเน้นไปที่แนวโน้มเศรษฐกิจโลก และการที่ทั้ง 2 ประเทศจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ

ภาพรวมการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ส่วนทางด้านยุโรปดัชนีและตัวเลขเศรษฐกิจของยูโรโซนแสดงถึงความอ่อนแอ ขณะที่เศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัวลง ทางด้านธนาคารกลางของจีนเรียกร้องให้ธนาคารกลางสหรัฐพิจารณาผลกระทบจากการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินของสหรัฐ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจของประเทศเกิดใหม่ ได้รับผลกระทบจากการไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศ และมีความเสี่ยงในเรื่องเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น ส่วนในตลาดทองคำมีความกังวลในเรื่องความต้องการทองคำในตลาด physical จะลดลง เนื่องจากผู้ผลิตเครื่องประดับในอินเดียยังคงประท้วงต่อเนื่องเป็นวันที่ 18 และนักเก็งกำไรอาจมีการขายทองคำออก เนื่องจากราคาที่ปรับสูงขึ้นประมาณ 25 USDต่อออนซ์ในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่
- 21.00 ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.พ.

ภาพกราฟในราย 240 นาทีสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,670 ส่งสัญญาณซื้อเมื่อ MA 4 ตัด MA 9 และ MA 34 ขึ้นมา โดยมีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,688/1,700 ส่วนแนวรับมีที่บริเวณแนวรับ 1,670/1,660 แนะนำ นักลงทุนที่เปิด Long ไว้ถือต่อโดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวนแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,688/ 1,700 ส่วนในระยะสัปดาห์คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 1,700/1,717 และแนวรับบริเวณ 1,655/1,645

ส่วนโลหะเงินมีแนวรับบริเวณ 32.3/ 32.0 แนวต้านบริเวณ 33.5/ 34.0 แนะนำนักลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบ 32.0 – 34.0

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook....lassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
http://itunes.apple....d464234361?mt=8 https://plus.google....509313835/posts https://market.andro...les.classicgold

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น