วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2555

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 20 เมษายน 2555 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)


บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 20 เมษายน 2555 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)


แกว่งตัวในกรอบ รอการ Break

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 20 เม.ย. อยู่ที่บริเวณ 1,644.04 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,641 - 1,646 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำทรงตัว เนื่องจาก นักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวังก่อนการประชุมของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ขณะที่ความพยายามของ ไอเอ็มเอฟ กำลังเผชิญกับอุปสรรค หลังจากที่บราซิลเรียกร้องให้ไอเอ็มเอฟมอบอำนาจมากยิ่งขึ้นให้แก่ประเทศตลาดเกิดใหม่เพื่อแลกกับการจัดสรรเงินกู้เพิ่มเติมให้แก่ไอเอ็มเอฟ ขณะเดียวกัน ความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก, ผลการเลือกตั้งของฝรั่งเศส ความสามารถของสเปนในการจัดการฐานะการคลัง และการเปิดเผยผลประกอบการประจำปี 2011 ของธนาคารพาณิชย์กรีซ ในวันนี้ ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของตลาด ดังนั้น ระหว่างรอความชัดเจน ราคาทองคำมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway รอการ Break ของราคา สำหรับภาพทางเทคนิค ยังมีทิศทางที่ดี เมื่อราคาทองคำยังสามารถประคองเหนือเส้น UpTrend ระยะยาว อย่างไรก็ตาม หากราคาหลุดบริเวณดังกล่าวที่ 1,630 จะทำให้แนวโน้มเป็น bearish มากขึ้น แนะนำ ทำกำไรระยะสั้น รอจังหวะการ Break ของราคา


รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) อาจจะบรรลุเป้าหมายการระดมเงินทุนจากประเทศสมาชิกเพื่อเพิ่มทุนทรัพย์ให้กับไอเอ็มเอฟเป็น 4 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤตหนี้สาธารณะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ทั้งนี้ ขณะนี้ ยอดการจ่ายเงินสมทบจากประเทศสมาชิกที่สนับสนุนการเพิ่มศักยภาพด้านการปล่อย เงินกู้ของไอเอ็มเอฟ เพื่อรับมือกับวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปนั้น มีอยู่ทั้งสิ้น 3.20 แสนล้านดอลลาร์ โดยประเทศสมาชิกบางประเทศของไอเอ็มเอฟจากทั้งหมด 188 ประเทศ ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่น ได้ประกาศความพร้อมที่จะเพิ่มทุนทรัพย์เพื่อสนับสนุนขีดความสามารถด้านการ ปล่อยเงินกู้ให้กับไอเอ็มเอฟ ซึ่งทำให้มีการจับตาว่าประเทศอื่นๆในกลุ่มที่กำลังพัฒนาจะดำเนินการตาม ญี่ปุ่นหรือไม่ เช่น จีน บราซิล และอินเดีย โดยก่อนหน้านี้ ไอเอ็มเอฟประมาณการเอาไว้ว่าจะสามารถระดมเงินทุนเพื่อเสริมศักยภาพด้านการ ปล่อยเงินกู้ขององค์กรให้ได้ราว 5 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการเงินของประเทศทั่วโลกในระยะหลายปีข้างหน้านี้ แต่ไอเอ็มเอฟได้ปรับลดเป้าหมายการระดมเงินทุนลงมาอยู่ที่ระดับ 4 แสนล้านดอลลาร์เป็นการชั่วคราว หลังจากที่สถานการณ์ที่ตึงเครียดของวิกฤตหนี้ยุโรปคลี่คลายลง

ความพยายามของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ในการเพิ่มขนาดทุนทรัพย์ของทางสถาบันได้เผชิญกับอุปสรรค หลังจากที่บราซิลเรียกร้องให้ไอเอ็มเอฟมอบอำนาจมากยิ่งขึ้นให้แก่ประเทศตลาดเกิดใหม่เพื่อแลกกับการที่ประเทศในกลุ่มนี้จะจัดสรรเงินกู้เพิ่มเติมให้แก่ไอเอ็มเอฟ ขณะที่ไอเอ็มเอฟหวังพึ่งพาประเทศกลุ่ม BRICS ซึ่งได้แก่รัสเซีย,อินเดีย, จีน และแอฟริกาใต้ ในการจัดสรรเงินที่เหลือ โดยทุนทรัพย์ดังกล่าวของไอเอ็มเอฟจะช่วยเพิ่มเติมกองทุนฉุกเฉินวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับยุโรปที่ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ตกลงกันไว้ในเดือนมี.ค.

ธนาคารพาณิชย์ของกรีซจะเปิดเผยผลประกอบการประจำปี 2011 ในวันนี้ โดยคาดว่าจะประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก และนักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปยังผลกระทบต่อเงินกองทุนของธนาคารจากการปรับลดมูลค่าทางบัญชีของพันธบัตรรัฐบาลกรีซ และการกันสำรองหนี้เสีย ทั้งนี้ ผลประกอบการของธนาคารขนาดใหญ่ 4 แห่งของกรีซ ซึ่งได้แก่อัลฟา,ยูโรแบงก์, เนชั่นแนล และพิแรอุส จะแสดงให้เห็นถึงความเสียหายที่ได้รับจากวิกฤติหนี้และภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงที่ผ่านมา โดยธนาคารกรีซจะเปิดเผยผลประกอบการประจำปีหลังจากตลาดหุ้นเอเธนส์ปิดทำการในเวลา 21.30 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ 


รมว.เศรษฐกิจสเปน กล่าวว่า สเปนไม่จำเป็นต้องใช้เงินจากกองทุนช่วยเหลือของยูโรโซน เพื่อนำมาพยุงธนาคารของสเปน ทั้งนี้ รมว.เศรษฐกิจสเปน ได้ประชุมกับประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และคณะกรรมการบริหารของอีซีบีในช่วงต้นสัปดาห์นี้ เพื่อหารือถึงฐานะการคลังของสเปน ขณะที่มีแรงกดดันมากขึ้นต่อสเปนในตลาดการเงิน ท่ามกลางความวิตกว่า สเปนจะไม่สามารถควบคุมวิกฤติหนี้ได้

ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเพิ่มขึ้นมากเกินคาดเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันในเดือนเม.ย. ท่ามกลางสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของเยอรมนียังคงขยายตัวมากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค แม้มีความวิตกเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ยูโรโซนก็ตาม ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ซึ่งได้จากผลสำรวจความเห็นบริษัทประมาณ 7,000 แห่ง ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 109.9 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2011 และเพิ่มขึ้นจาก 109.8 ในเดือนมี.ค.

การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์หน้า (23-27 เม.ย.) มีดังนี้: วันอังคาร ราคาบ้านเดือนก.พ. ยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค. เฟด เริ่มการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยวันแรก วันพุธ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค. ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ เฟด ประกาศมติการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ย (ต่อเนื่อง) วันพฤหัสบดี จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมี.ค. วันศุกร์ ต้นทุนการจ้างงานประจำไตรมาส 1/2012 ตัวเลขประมาณการครั้งแรกของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 1/2012

ภาพทางเทคนิคยังเป็นแนวโน้มขาลงในระยะกลาง แต่เคลื่อนไหวในช่วงนี้ความยังเป็นลักษณะ side way รอการ break การปรับตัวลดลงต่ำกว่าแนวรับบริเวณ 1,630 จะทำให้แนวโน้มเป็น bearish มากขึ้น และอาจทำ low ที่บริเวณ 1,610 / 1,600 ภาพกราฟในรายวันมีเส้นกดจาก MA หลายเส้น ทำให้กรอบการขึ้นค่อนข้างจำกัด คาดว่าวันนี้มีแนวต้านบริเวณ 1,655/1,660 และแนวรับบริเวณ 1,630/1,620 แนะนำ นักลงทุนในระยะ 1 – 2 วัน ที่ปิด short ทำกำไรไปแล้ว หากราคาไม่หลุด 1,630 รอเปิด Long บริเวณแนวรับ 1,630 ส่วนนักลงทุนที่ไม่มีสถานะ Trading ในกรอบ 1,620 – 1,660

ส่วนโลหะเงินมีแนวรับบริเวณ 31.3/ 30.9 แนวต้านบริเวณ 32.0/ 32.6 แนะนานักลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบ 30.9 – 32.6

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook....lassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
http://itunes.apple....d464234361?mt=8
https://plus.google....509313835/posts
https://market.andro...les.classicgold 
0
  • +
  • -

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น