วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)


รอชนแนวต้านสำคัญ

ราคาทองคำเปิดตลาดเอเชียที่ 1,721 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวระหว่าง 1,719  -  1,725 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยมีแนวโน้มปรับขึ้นเล็กน้อย จากตัวเลขเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น ทั้งจากยุโรปและจีน ขณะที่การซื้อขายภาคบ่ายเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการเนื่องในวัน All Saints Day ในประเทศฝรั่งเศส, อิตาลี, สเปน และบางส่วนในเยอรมนี อย่างไรก็ตาม ในคืนวันนี้ คาดว่าราคาทองคำจะแกว่งตัวแรงได้อีกครั้ง เนื่องจากมีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญหลายตัวของสหรัฐประกาศออกมา โดยจะการประเมินเบื้องต้น หากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเป็นไปอย่างที่นักวิเคราะห์คาดไว้ก่อนหน้า จะมีแนวโน้มเชิงบวกต่อราคาทองคำเล็กน้อย ขณะที่สถานกาณ์ในกรีซยังจำเป็นต้องจับตา เนื่องจากกรีซเข้าใกล้ความเสี่ยงของการขาดแคลดเงินเข้าไปทุกที หากยังไม่ได้ข้อสรุปในการให้ความช่วยเหลือ อาจมีผลลบในวงกว้าง รวมถึงราคาทองคำ โดยจากทิศทางราคาทองคำ แม้จะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น แต่ยังคงถูกกดดันจากภาพ Down Trend ระยะสั้น หากราคาไม่สามารถทะลุผ่าน 1,730/1,735 ภาพการขึ้นของราคาทองคำยังคงไม่ชัดเจน


รัฐบาลกรีซเปิดเผยว่า กรีซจะมียอดขาดดุลงบประมาณและหนี้สินอยู่สูงเกินเป้าอีกครั้งในปีหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจกรีซถดถอยลงอย่างรุนแรงเกินคาด ในขณะที่รัฐมนตรีคลังยูโรโซนกำลังหารือกันเกี่ยวกับแนวทางช่วยเหลือไม่ให้กรีซผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งกรีซจำเป็นต้องอนุมัติมาตรการปรับขึ้นภาษีและปรับลดงบรายจ่ายวงเงิน 1.35 หมื่นล้านยูโร (1.75 หมื่นล้านดอลลาร์) และมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่สหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ของกรีซ เพื่อให้อียูและไอเอ็มเอฟ สามารถอนุมัติการจ่ายเงินช่วยเหลือกรีซในเดือนพ.ย. ซึ่งจะช่วยให้กรีซหลีกเลี่ยงจากภาวะล้มละลาย โดยรัฐสภากรีซลงมติอนุมัติมาตรการแปรรูปกิจการของรัฐด้วยคะแนนเสียงที่ฉิวเฉียดเมื่อวานนี้ และทำให้มีการตั้งข้อสงสัยกันว่า มาตรการปฏิรูปอื่นๆที่ก่อให้เกิดความคิดเห็นขัดแย้งอย่างรุนแรงจะผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภากรีซได้หรือไม่ ในสัปดาห์หน้า ขณะที่กลุ่มยูโรกรุ๊ปซึ่งประกอบด้วยรัฐมนตรีคลังของประเทศสมาชิกยูโรโซน 17 ประเทศได้จัดประชุมทางโทรศัพท์เป็นเวลานาน 2 ชั่วโมง ยังไม่มีความคืบหน้าอย่างแท้จริงในการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากไอเอ็มเอฟยังคงมีความเห็นขัดแย้งกับเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรป (อียู)  โดยทั้งสองฝ่ายขัดแย้งกันเกี่ยวกับความจำเป็นที่รัฐบาลยุโรปจะต้องเข้าร่วมในการปรับลดภาระหนี้สินของกรีซ

ธนาคารกลางจีนดำเนินการอัดฉีดเม็ดเงินสุทธิเข้าสู่ตลาดครั้งใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์นี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าธนาคารกลางจีนตั้งใจที่จะทำให้ตลาดเงินอยู่ในภาวะผ่อนคลายต่อไปเพื่อช่วยสนับสนุนการปล่อยกู้แก่ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเม็ดเงิน 1.73 แสนล้านหยวน (2.774 หมื่นล้านดอลลาร์) เข้าสู่ตลาดเงินในวันนี้ ผ่านทางการทำธุรกรรมการซื้อพันธบัตร โดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) ซึ่งส่งผลให้ปริมาณการอัดฉีดเม็ดเงินสุทธิเข้าสู่ตลาดตลอดทั้งสัปดาห์นี้อยู่ที่ 3.79 แสนล้านหยวน ปริมาณเงินดังกล่าวถือเป็นปริมาณการอัดฉีดเม็ดเงินสุทธิรายสัปดาห์ผ่านทางปฏิบัติการซื้อขายพันธบัตรในตลาดเปิดที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในจีน

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม  ได้แก่
- 19:15   ยอดจ้างงานนอกภาคการเกษตร เดือน ก.ย. โดย ADP – ข้อมูลการจ้างงานใหม่รายเดือนจากกลุ่มลูกค้าราว 5 แสนธุรกิจของ ADP ที่ให้แนวโน้มเศรษฐกิจในภาคเอกชน โดยกลับมาทรงตัวในระดับที่ดีหลังจากทรุดตัวลงแรงในช่วงวิกฤติซับไพรม์ โดยตัวเลขในช่วง 1.5-2.0 แสนตำแหน่งงาน แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจค่อนข้างดีและมีการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่จะส่งผลลบต่อราคาทองคำ และถ้าหากประกาศตัวเลขออกมาสูงกว่าระดับ 2 แสน ก็จะกดดันราคาทองคำอย่างมาก

- 19:30   จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน รายสัปดาห์ – เป็นเวลาเกือบ 1 ปีแล้ว ที่ตัวเลขในแต่ละครั้งลดระดับลงมาอยู่ต่ำกว่า 4 แสน จึงแสดงให้เห็นถึงภาวะที่ดีขึ้นของการจ้างงานในสหรัฐ สอดคล้องกับอัตราการว่างงานที่ล่าสุดอยู่ต่ำกว่า 8% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤติซับไพรม์ ซึ่งค่อนข้างเป็นผลลบต่อราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม หากตัวเลขที่ประกาศในคืนนี้ใกล้เคียงกับการคาดการณ์ คาดว่าจะไม่ส่งผลต่อราคาทองคำ


- 19:30   ยอดผลผลิตนอกภาคการเกษตร q3/2012 (ประมาณการณ์ครั้งแรก) – ตัวเลขสรุปชุดแรกจากสำนักสถิติแรงงานสหรัฐ ใช้วัดประสิทธิภาพการผลิตเปรียบเทียบกับต้นทุนค่าแรงต่อหน่วยว่าสอดคล้องกันหรือไม่ ซึ่งจะเป็นหนึ่งในดัชนีที่ใช้คาดการณ์ภาวะเงินเฟ้อและแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต โดยการประกาศตัวเลขที่เป็นบวกมักส่งผลลบต่อราคาทองคำเล็กน้อย

- 19:30   อัตราค่าจ้างแรงงาน q3/2012 (ประมาณการณ์ครั้งแรก) – ตัวเลขสรุปชุดแรกจากสำนักสถิติแรงงานสหรัฐ ที่ออกพร้อมกับตัวเลขวัดประสิทธิภาพการผลิต เป็นหนึ่งในดัชนีที่ใช้คาดการณ์ภาวะเงินเฟ้อและแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต โดยการประกาศตัวเลขในช่วงบวกหรือลบ 2% มักไม่ส่งผลต่อราคาทองคำ

- 20:00   ดัชนี PMI  เดือน ต.ค. โดย Markit – เป็นผลสำรวจความคิดเห็นของผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ที่บริษัทบริการข้อมูลทางธุรกิจ Markit รวบรวมมา โดยเป็นการสอบถามมุมมองโดยรอบต่อการประกอบการ ทั้งภาวะการจ้างงาน, การใช้กำลังการผลิต, สต๊อคสินค้า, ยอดคำสั่งซื้อ, การตั้งราคาขาย ฯลฯ ซึ่งผลสรุปดังกล่าวจะชี้ให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจคร่าว ๆ จากผู้ประกอบการทั่วประเทศ แต่เนื่องจากเป็นชุดข้อมูลที่เพิ่งได้รับการเผยแพร่ จึงทำให้ยังไม่มีผลกระทบต่อราคาทองคำมากนัก

- 21:00   ดัชนีมุมมองต่อการทำธุรกิจของฝ่ายจัดซื้อ(PMI) เดือน ต.ค. โดย ISM – เป็นผลสำรวจความคิดเห็นของผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ที่สถาบันจัดการอุปทานรวบรวมมา โดยเป็นการสอบถามมุมมองโดยรอบต่อการประกอบการ ทั้งภาวะการจ้างงาน, การใช้กำลังการผลิต, สต๊อคสินค้า, ยอดคำสั่งซื้อ, การตั้งราคาขาย ฯลฯ ซึ่งผลสรุปดังกล่าวจะชี้ให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจากผู้ประกอบการทั่วประเทศ และเนื่องจากเป็นตัวเลขที่ได้รับความสนใจอย่างยิ่ง จึงทำให้มีผลกระทบต่อราคาทองคำค่อนข้างมาก โดยตัวเลขระดับ 45-55 ถือว่าปกติ ส่งผลต่อราคาทองคำเล็กน้อย และค่าที่สูงเกิน 55 จะส่งผลลบต่อราคาทองคำได้มาก ส่วนค่าที่ต่ำกว่า 45 จะให้ผลบวกต่อราคาทองคำได้มากเช่นกัน

- 21:00   ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ต.ค. – ช่วงต้นปี 2009 หลังวิกฤติซับไพรม์ ตัวเลขความเชื่อมั่นเคยร่วงทำจุดต่ำสุดที่ 25.0 แต่ปัจจุบันอยู่ในระดับ 60-70 ซึ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัวขึ้นช้า ๆ ทั้งนี้ หากประกาศตัวเลขมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ จะเป็นผลลบต่อราคาทองคำ แต่หากประกาศออกมาต่ำกว่าที่ประกาศคราวก่อน จะเป็นผลบวกต่อราคาทองคำ

- 21:00   ค่าใช้จ่ายในภาคการก่อสร้าง เดือน ก.ย. – ตัวเลขประกอบการพิจารณาการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์สหรัฐ ซึ่งมักใช้ร่วมกับดัชนีราคาที่อยู่อาศัย, ยอดขายบ้านทั้งมือหนึ่งและมือสอง, ยอดคำขอจดจำนอง ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ไม่ส่งผลต่อราคาทองคำ

- 22:00   ยอดสต๊อคน้ำมัน รายสัปดาห์ – ยอดที่ประกาศออกมาในแต่ละครั้งมีความผันผวนสูง เนื่องจากปริมาณการใช้น้ำมันในสหรัฐขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน, ภาวะเศรษฐกิจ, ความเชื่อมั่นในการจับจ่ายของประชาชน, ความต้องการตามช่วงเวลา ฯลฯ ดังนั้น แม้ราคาทองคำจะค่อนข้างเคลื่อนไหวสอดคล้องกับราคาน้ำมันในระยะยาว แต่ในระยะสั้นอาจไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันก็ได้ ดังนั้นจึงประเมินว่า ยอดสต๊อครายสัปดาห์ที่เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงไม่ถึง 5 ล้านบาร์เรล จะไม่มีผลต่อราคาทองคำอย่างมีนัยสำคัญ

  ราคาทองคำ ภาพกราฟทางเทคนิคในราย 240 นาที ราคาเริ่มดีดตัวขึ้น แต่ยังมีแนวต้านบริเวณ 1,725/1,733 ถ้าผ่านได้มีโอกาสไปต่อที่บริเวณ 1,750 ส่วนแนวรับวันนี้มีที่บริเวณ 1,715/1,710 และถัดไปบริเวณ 1,705 แนะนำนักลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบ 1,710 – 1,733  ผู้มีสถานะ Long ถือต่อ ส่วนนักลงทุนระยะกลางทยอยซื้อสะสมบริเวณ 1,700/1,685

  โลหะเงิน ให้แนวรับบริเวณ 32.0/31.8 โดยมีแนวต้านบริเวณ 32.4/32.6  แนะนำนักลงทุน Trading ในกรอบแนวรับแนวต้าน

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 11-12,16
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook....lassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
http://itunes.apple....d464234361?mt=8
https://plus.google....509313835/posts
https://market.andro...les.classicgold
http://web.stagram.com/n/ilovecgf/
http://www.classicgoldgroup.tumblr.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น