วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2555

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 18 มกราคม 2555 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 18 มกราคม 2555 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

++ ราคาทองคำมีแนวต้านที่ 1,660/1,668 และแนวรับที่ 1,636/1,630 กราฟรายวัน ยังไม่ส่งสัญญาณที่ชัดเจน มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในลักษณะ Side way เนื่องจาก MA หลายๆ เส้น เริ่มโน้มตัวเข้าหากัน คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,636 - 1660 แนะนำ นักลงทุน Trading ในกรอบ 1,636 – 1,660

อ่อนกำลังลง

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 17 ม.ค. อยู่ที่บริเวณ 1,653.40 USD ต่อออนซ์ โดยเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,645 – 1,659 USD ต่อออนซ์ ราคาทองคำอ่อนตัวลงมาแตะที่แนวรับสำคัญที่ 1,645 หลังจากนั้นเคลื่อนไหวทรงตัว เนื่องจาก นักลงทุนรอดูสัญญาณใหม่จากผลการประมูลขายพันธบัตรโปรตุเกส และการเจรจาเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้กรีซในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยลบกดดันราคาทองคำ อาทิ อินเดียประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าทองขึ้น 90% และขึ้นภาษีโลหะเงินขึ้น 2 เท่า องค์กรต่างๆ ปรับลดการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก เนื่องจากวิกฤติหนี้ยุโรป และ ฟิทช์ อาจลดอันดับเครดิตอิตาลีลง 2 ขั้น คาดว่าหากมีปัจจัยบวก หนุนราคาทองคำให้สามารถปรับตัวสูงขึ้น ก็จะมีแรงเทขายทำกำไรที่แนวต้าน เนื่องจากยังมีปัจจัยลบกดดันอยู่ โดยกราฟทางเทคนิค บ่งชี้ว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำเริ่มอ่อนแรง และมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในลักษณะ Side Way เพื่อรอดูทิศทางในระยะต่อไป โดยคืนนี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,636 – 1,660

โปรตุเกสจะเปิดขายตราสารหนี้ระยะสั้นในวงเงิน 2.5 พันล้านยูโร ในวันนี้ ซึ่งจะถือเป็นการเปิดประมูลตราสารหนี้ครั้งใหญ่ที่สุดของรัฐบาล โปรตุเกสนับตั้งแต่โปรตุเกสได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศในปี 2011

กรีซจะเริ่มการเจรจากับเจ้าหนี้อีกครั้งในวันนี้ท่ามกลางความพยายามครั้งใหม่เพื่อบรรลุภาวะชะงักงันในการเจรจาเพื่อลดหนี้สินของกรีซ และหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ หลังจากที่การเจรจาประสบความล้มเหลวเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่กรีซจะเสนอในพันธบัตรใหม่ และแผนการบังคับให้นักลงทุนแบกรับผลขาดทุน

อินเดียประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าทองขึ้น 90% และขึ้นภาษีโลหะเงินขึ้น 2 เท่าเมื่อวานนี้ ขณะที่อินเดียกำลังหาทางเพิ่มรายได้ ซึ่งทำให้ราคาสัญญาทองพุ่งขึ้นและฉุดหุ้นกลุ่มผู้ผลิตเครื่องประดับร่วงลง ทั้งนี้ อินเดียได้ปรับภาษีนำเข้าทองขึ้นเป็น 2% ของมูลค่าจากอัตราก่อนหน้านี้ที่ 300 รูปีต่อ 10 กรัม และภาษีโลหะเงินขึ้นเป็น 6% ของมูลค่าจาก 1,500 รูปี (29.20 ดอลลาร์) ต่อกิโลกรัม โดยการปรับเปลี่ยนภาษีครั้งนี้จะเท่ากับ 570 รูปีต่อ 10 กรัมสำหรับทอง และจะเท่ากับ 3,000 รูปีต่อกิโลกรัมสำหรับโลหะเงินที่ราคาปัจจุบัน โดยยังคงคาดว่าการนำเข้าจะลดลง 50% ในเดือนม.ค.-มี.ค.หลังจากที่ลดลงราว 8% สู่ระดับ 878 ตันในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เปิดเผยว่า สถานการณ์เลวร้ายทางการเงินในทุกประเทศของกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ได้สั่นคลอนภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของยุโรป และยังทำให้เศรษฐกิจของประเทศหลักๆในอียูมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะกลับเข้า สู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง โดยคาดปีนี้ขยายตัวเพียง 0.7% ในปี 2555 ซึ่งต่ำกว่าปี 2554 ที่ขยายตัว 1.6% ทั้งนี้ กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับช่วงขาลง อันเนื่องมาจากความอ่อนแอ 4 ด้านที่มีผลต่อกันและกัน ซึ่งได้แก่ สถานการณ์ความตึงเตรียดที่เป็นผลมาจากหนี้สาธารณะ ภาคธนาคารที่เปราะบาง อุปสงค์ที่อ่อนแอ และภาวะติดขัดด้านนโยบายที่เป็นผลมาจากความแตกต่างด้านการเมืองและความต่าง ในเชิงสถาบัน

ธนาคารโลก ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2555 ลงมาอยู่ที่ระดับ 2.5% จากเดิมที่คาดว่า จะขยายตัว 3.6% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญความเสี่ยงจากวิกฤตหนี้ยุโรป พร้อมกับปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ลงมาอยู่ที่ระดับ 5.4% ในปี 2555 จากเดิมที่คาดว่า จะขยายตัว 6.2% และได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของประเทศที่มีรายได้สูง ลงสู่ระดับ 1.4% จากเดิมที่คาดว่า จะขยายตัว 2.7% นอกจากนี้ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ลงมาอยู่ที่ระดับ 2.2% ในปี 2555 และ 2.4% ในปี 2556 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2.9% และ 2.7% ตามลำดับ พร้อมกับปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของจีนลงสู่ระดับ 8.4% สำหรับปี 2555 และ 8.3% สำหรับปี 2556 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 8.7% และ 8.8% ตามลำดับ

ฟิทช์ อาจลดอันดับเครดิตอิตาลีลง 2 ขั้น โดยจะพิจารณาจากระดับการรีไฟแนนซ์ มาตรการสำหรับเศรษฐกิจ และข้อตกลงเกี่ยวกับนโยบายการคลัง ซึ่งก่อนหน้านี้ ฟิทช์ เปิดเผยว่า อาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีภายในสิ้นเดือนม.ค.
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่
- 20.30 น. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค
- 20.30 น. กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาล เดือนพ.ย.
- 21.00 น. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรม และอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนธ.ค.
- 22.00 น. สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) เปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนม.ค.
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
++ ราคาทองคำมีแนวต้านที่ 1,660/1,668 และแนวรับที่ 1,636/1,630 กราฟรายวัน ยังไม่ส่งสัญญาณที่ชัดเจน มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในลักษณะ Side way เนื่องจาก MA หลายๆ เส้น เริ่มโน้มตัวเข้าหากัน คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,636 - 1660 แนะนำ นักลงทุน Trading ในกรอบ 1,636 – 1,660
++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับบริเวณ 29.7/29.2 แนวต้านบริเวณ 30.6/30.7 แนะนำนักลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบ 29.2 – 30.7

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook....lassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
http://itunes.apple....d464234361?mt=8 https://plus.google....509313835/posts https://market.andro...les.classicgold

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น