สัปดาห์ที่ผ่านมา (28 ต.ค.–1 พ.ย.) ราคาทองคำปรับตัวลดลง 36.85 USDต่อออนซ์ (-2.73 %) มาปิดที่ 1,314.74 USDต่อออนซ์ มีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,305–1,362 USDต่อออนซ์ ซึ่งราคามีการกลับทิศทางหักล้างการปรับตัวขึ้นมาของสัปดาห์ก่อนหน้า โดยวานนี้ราคาแกว่งตัวแคบ ๆ เนื่องจากหมดปัจจัยกระทบ สำหรับผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของสหรัฐฯ(FOMC) ยังคงระดับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเอาไว้ที่ 0-0.25% และคงวงเงินมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน(QE)ไว้ที่ 8.5 หมื่นล้านUSDต่อเดือน ซึ่ง Fed แสดงความเป็นห่วงต่อปัญหาเปราะบางทางการเมืองที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้การลด QE เร็วเกินไปอาจสร้างความเสี่ยงให้เกิดการชะลอตัว ในขณะที่ตลาดประเมินอีกครั้งว่า Fed มีโอกาสจะปรับวงเงินมาตรการ QE ในการประชุมวันที่ 18-19 มี.ค. หรือ 29-30 เม.ย. เนื่องจากต้องการรอให้ เจเน็ต เยลเลน เข้ารับตำแหน่งสืบต่อจาก เบน เบอร์นันเก้ ที่กำลังจะหมดวาระการทำงานลงในเดือน ม.ค. ซึ่งจะตรงกับช่วงที่ทั้ง 2 พรรคการเมืองสำคัญจะต้องกลับมาเจรจากันอีกครั้งตามข้อตกลงขยายความสามารถในการใช้จ่ายตามงบประมาณประจำปี 2013-2014 ออกไปเป็นวันที่ 15 ม.ค. และขยายวงเงินเพดานหนี้สาธารณะให้ใช้ได้ถึงแค่วันที่ 7 ก.พ.เท่านั้น
SPDR Gold Trust กองทุน ETF ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขายทองคำทั้งสิ้น 5.7 ตัน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (28 ต.ค.–1 พ.ย.) ซึ่งเป็นการขายออกมาเพียง 1 วันทำการในรอบสัปดาห์ แต่ก็ทำให้ปริมาณการถือครองทองคำในพอร์ตลดลงเหลือ 866.32 ตัน แตะระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ.2009 บ่งชี้ถึงความไม่เชื่อมั่นต่อการลงทุนทองคำของผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด ซึ่งกดดันต่อแนวโน้มของราคาทองคำในระยะกลางให้ยังคงอยู่ในทิศทางขาลง
รายงานการถือครองสถานะสัญญาล่วงหน้าทองคำในตลาด COMEX รายสัปดาห์ สิ้นสุด 22 ต.ค. พบว่า มีสถานะคงค้าง(Open Interest) 390,369 สัญญา เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 8,642 สัญญา โดยสถานะซื้อสุทธิของนักลงทุนกลุ่ม Non-Commercial เพิ่มขึ้นมา 14,3725 สัญญา เป็น 76,665 สัญญา ในขณะที่นักลงทุนกลุ่ม Commercial มีสถานะขายสุทธิเพิ่มขึ้น 17,324 สัญญา มาอยู่ที่ 82,148 สัญญา ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของสถานะคงค้างตลอดเดือน ต.ค. แต่ปริมาณการซื้อขายของทั้ง 2 กลุ่ม ค่อนข้างทรงตัว และระดับยอดสุทธิที่ผันผวนขึ้นลง สอดคล้องกับความผันผวนของราคาทองคำในเดือน ต.ค.ที่แกว่งตัวขึ้นลงหลายรอบระหว่าง 1,251–1,362 USDต่อออนซ์ ว่านักลงทุนในตลาดเน้นการเก็งกำไรระยะสั้นตามรอบราคาเป็นหลัก และยังไม่มีสัญญาณการสะสมสัญญาข้างใดเป็นพิเศษ
ประเด็นที่ต้องติดตามในรอบสัปดาห์ ได้แก่
- 7 พ.ย. การประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB)
- กระแสคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ จะเพิ่มความผันผวนให้กับค่าเงินบาท หากสถานการณ์รุนแรง
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่
- วันอังคาร ดัชนี PMI นอกภาคการผลิต เดือน ต.ค. โดย ISM, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน พ.ย. โดย IBD/TIPP
- วันพุธ ดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจ เดือน ก.ย., ยอดสต็อกน้ำมัน รายสัปดาห์
- วันพฤหัสบดี GDP (ประเมินเบื้องต้น) ไตรมาส 3/2013, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน รายสัปดาห์
- วันศุกร์ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือน ต.ค., อัตราการว่างงาน เดือน ต.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค เดือน ต.ค., รายจ่ายผู้บริโภค เดือน ต.ค., รายได้ผู้บริโภค เดือน ต.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์(ตัวเลขสรุป) เดือน พ.ย. โดย ม.มิชิแกน
ภาพทางเทคนิคราคาทองคำรายสัปดาห์ (5–8 พ.ย.) : ราคาทองคำที่ทรงตัวหลังหมดปัจจัยมากระทบ ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลงในภาพใหญ่ ทำให้นักลงทุนระยะยาวยังต้องรอให้ราคาดิ่งลงแรง ๆ ค่อยเข้าซื้อสะสม ขณะที่นักลงทุนระยะสั้นสามารถเก็งกำไรความผันผวนของราคาได้ในลักษณะขึ้นขาย-ลงซื้อ ซึ่งควรจับตาการเคลื่อนไหวชะลอตัวในกรอบเล็กระหว่าง 1,305–1,325 USDต่อออนซ์ โดยการหลุด 1,305 จะเป็นสัญญาณเตือนว่าอาจร่วงลงทดสอบ 1,285 ได้ทันที และมีความเสี่ยงที่ราคาจะปรับตัวลงต่อไปถึงจุดต่ำสุดเดิมที่ 1,250 ได้ ในขณะที่ขาขึ้นมีกรอบจำกัดอยู่ที่ 1,360 สำหรับสัปดาห์นี้ ให้แนวต้านที่บริเวณ 1,325/1,340/1,360 และให้แนวรับที่บริเวณ 1,305/1,285/1,250
อบรมทุกวันอังคารและพฤหัสบดี ที่อาคารจัตุรัสจามจุรี ชั้นที่ 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
https://plus.google.com/114919553661509313835/posts
http://web.stagram.com/n/classicgoldgroup/
http://classicgoldfutures.blogspot.com
Application search CLASSIC GOLD ทั้ง iPhone และ Android
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น