วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 22 ตุลาคม 2555 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 22 ตุลาคม 2555 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

ทยอยซื้อสะสม

ราคาทองคำเปิดตลาดเอเชียที่ 1,723 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวระหว่าง 1,721-1,727 USDต่อออนซ์ ราคาดีดขึ้นมาได้เล็กน้อยและแกว่งตัวแคบหลังจากดิ่งลงแรงในคืนวันศุกร์และร่วงต่อในช่วงเปิดตลาดที่ออสเตรเลีย โดยมีความกังวลต่อทางออกของปัญหาในยูโรโซนที่แม้จะได้ความเห็นพ้องกันในการจัดตั้งสหภาพธนาคารและหน่วยงานควบคุม แต่ปัจจัยความขัดแย้งระหว่างผู้นำเยอรมันกับฝรั่งเศสในรายละเอียดของบางแผนการก็ทำให้วาระการประชุมผู้นำไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนพอจะทำให้ตลาดคลายความวิตกลงไปได้ ส่วนภูมิภาคเอเชียที่ญี่ปุ่นออกมายอมรับถึงผลกระทบด้านลบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากประเด็นความขัดแย้งเรื่องดินแดนกับจีนดังที่นักวิเคราะห์บางคนได้ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ เช่นเดียวกับผลสำรวจของรอยเตอร์สที่นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์จากหลายสถาบันมีความเห็นสอดคล้องกับรายงานความเห็นต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนในช่วง 12 เดือนข้างหน้าของแบงค์ออฟอเมริกาเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าจะไม่มีการกระตุ้นด้วยวงเงินมหาศาลดังเช่นที่ผ่านมา ในขณะที่เช้าวันพรุ่งนี้ตามเวลาประเทศไทย จะมีการโต้วาทีครั้งที่ 3 ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งจากครั้งที่ 2 ทั้งรอมนีย์และโอบามา ต่างอภิปรายโต้แย้งกันถึงการดำเนินนโยบายที่มีต่อประเทศจีนหลายครั้ง ซึ่งเป็นการสร้างความขัดแย้งระหว่างประเทศยิ่งขึ้น ทำให้ตลาดอาจมีความกังวลต่อปัญหาความเปราะบางของเศรษฐกิจโลกในอนาคตได้ เนื่องจากยังไม่มีภูมิภาคใดเลยที่แข็งแรงพอจะช่วยเหลือคนอื่นได้ ดังนั้น มุมมองต่อทองคำจึงมีแนวโน้มที่จะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและเงินเฟ้อจากการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินทั้งในดอลลาร์, ยูโร และเยน


รอยเตอร์เผยผลสำรวจว่า เศรษฐกิจจีนอาจฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยในไตรมาส 4 หลังจากชะลอการเติบโต 7 ไตรมาสติดต่อกัน โดยจะได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลจีนเพิ่มงบลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ดี การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนจะยังคงอยู่ในภาวะเฉื่อยชาต่อไปจนถึงสิ้นปี 2013 นอกจากนี้ ผลสำรวจยังคาดว่า จีนจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยและจะไม่ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในช่วง 1 ปีข้างหน้า แต่อาจปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์(RRR)ลงในอนาคต โดยนักเศรษฐศาสตร์ 13 จาก 15 ราย คาดว่า รัฐบาลจีนจะไม่ผ่อนคลายมาตรการควบคุมอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในช่วงก่อนและหลังการเปลี่ยนตัวผู้นำประเทศตั้งแต่เดือน พ.ย.2012 จนถึงเดือน มี.ค.2013 แม้ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์จะเป็นเสาหลักสำหรับเศรษฐกิจจีนที่ครองสัดส่วนกว่า 13 % ใน GDP

คณะกรรมการกำกับดูแลด้านการธนาคารของจีน(CBRC) ระบุว่าสัดส่วนหนี้หนี้เสียของธนาคารพาณิชย์สิ้นไตรมาส 3 อยู่ที่ 0.97% เพิ่มขึ้นจาก 0.90% ในช่วงสิ้นไตรมาส 2 ทั้งนี้ ธนาคารได้เพิ่มการกันสำรองไว้ที่ 290.1% ณ สิ้นเดือน ก.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้น 11% จากต้นปี เพื่อรองรับการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น ขณะที่ CBRC กำหนดให้ธนาคารทุกแห่งกันสำรองอย่างน้อย 150%.


ธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ)ปรับลดประมาณการณ์เศรษฐกิจ 8 ใน 9 ภูมิภาคของญี่ปุ่น เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัญญาณว่าความขัดแย้งทางการทูตกับจีนและอุปสงค์ทั่วโลกที่ชะลอตัวได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกของญี่ปุ่น

กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเผยว่า การส่งออกในเดือน ก.ย.ของญี่ปุ่นทรุดตัวลง 10.3% แรงที่สุดนับตั้งแต่เกิดเหตุแผ่นดินไหวในปีที่แล้ว ขณะที่ความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2010 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้ตอกย้ำความวิตกที่ว่า ญี่ปุ่นซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลกอาจทรุดตัวลงสู่ภาวะถดถอย ขณะที่ยอดขายไปยังจีนและยุโรปร่วงลงท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และอุปสงค์ในประเทศที่นำโดยการฟื้นฟูประเทศจากเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิในปีที่ผ่านมานั้นได้ชะลอตัวลง

ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) กล่าวเตือนว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงไม่แน่นอนท่ามกลางความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับปัญหาหนี้สินของยุโรปและอัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ในขณะที่ BOJ สนับสนุนการผ่อนคลายทางการเงินอย่างมากเพื่อเสริมความแข็งแกร่งแก่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่คาดว่าการส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมจะอ่อนแรง แต่อุปสงค์ภายในประเทศยังคงแข็งแกร่งเนื่องมาจากความต้องการที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูประเทศหลังเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิ โดยแนวโน้มเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวปานกลางอีกครั้ง ในขณะที่เศรษฐกิจต่างประเทศก็จะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่
ไม่มี

จากกราฟราย 1 และ 4 ชม. ราคาหลุด neckline ของรูปแบบ head & shoulder ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบ double top เดิมที่เคยชี้ให้เห็นเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้ราคาร่วงลงทำจุดต่ำสุดเมื่อคืนวันศุกร์ ทำให้มีสัญญาณการดีดตัวระยะสั้นจากการเกิด divergence โดยคาดว่าจะเป็นเพียงการดีดกลับขึ้นได้ประมาณ 1,730-1,735 ก่อนร่วงลงมาทดสอบบริเวณ 1,715 อีกครั้ง โดยมีจุดรับสำคัญของรอบนี้ที่บริเวณ 1,700 ซึ่งแนะนำให้นักลงทุนซื้อสะสมในระดับต่ำกว่า 1,720 เนื่องจากภาพระยะกลางเป็นเพียงการปรับฐานในขาขึ้นเท่านั้น โดยในคืนนี้ให้แนวต้านบริเวณ 1,733/1,743 และแนวรับบริเวณ 1,715/1,700

โลหะเงิน ให้แนวต้านบริเวณ 32.5/33.0 และมีแนวรับบริเวณ 31.6/31.2 แนะนำนักลงทุน Trading ในกรอบ 31.2-33.0

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 11-12,16
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook....lassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
http://itunes.apple....d464234361?mt=8
https://plus.google....509313835/posts
https://market.andro...les.classicgold
http://web.stagram.com/n/ilovecgf/ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น