วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 6 มกราคม 2555 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 6 มกราคม 2555 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

++ ราคาทองคำมีแนวต้านที่ 1,630/1,640 และแนวรับที่ 1,605/1,585 โดยกราฟรายวัน มีสัผยยาผรวื้อเมื่อเส้น MA 4 วันตัดเส้น MA 9 วันขึ้นมา แนะนำ Trading ในกรอบ 1,605 – 1,640 และระมัดระวังในทุกๆ แนวต้าน เนื่องจากอาจมีแรงขายทำกำไรออกมาเป็นระยะ

ทองขึ้นต้อนรับตรุษจีน

ราคาทองคำเปิดตลาดปี 2555 อยู่ที่บริเวณ 1,565 USD ต่อออนซ์ และเคลื่อนไหวปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่วันจันทร์ที่ 3 ม.ค. ถ้าราคาขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณเส้น MA 200 วันบริเวณ 1,630 USDต่อออนซ์ได้ แนวโน้มราคาทองคำในระยะกลางจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น และอาจไปต่อที่บริเวณเส้น MA 34 สัปดาห์ใกล้ 1,660 ได้ ราคาทองคำในระหว่างวันค่อนข้างแกว่งตัวผันผวน ตามประเด็นและความกังวลในเรื่องปัญหาหนี้ยุโรป ราคาน้ำมัน ค่าเงินยูโร และการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ คาดการณ์กรอบความเคลื่อนไหวของราคาทองคำอยู่ระหว่าง 1,605 – 1,640

ค่าเงินยูโรร่วงลงอย่างหนักติดต่อกัน 10 สัปดาห์แล้วจาก 1.413 USDต่อยูโรในเดือนต.ค.มาอยู่ที่ระดับ 1.279 USDต่อยูโร โดยในช่วงก่อนหน้านี้ ราคาทองคำและค่าเงินยูโรค่อนข้างมีทิศทางในทางเดียวกัน คือ เมื่อมีความกังวลในเรื่องวิกฤตหนี้ยุโรปเพิ่มขึ้น ค่าเงินยูโรร่วงลง ค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้น กดดันราคาทองคำให้ปรับลดลง แต่เมื่อมีความกังวลในเรื่องความขัดแย้งระหว่างอิหร่าน และสหรัฐ ทำให้มีการห้ามนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านทั้งจากสหรัฐและสหภาพยุโรปทำให้ ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นยืนเหนือ 100 USDต่อบาร์เรล ทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ส่วนประเด็นข่าวหนี้วิกฤตหนี้ของยุโรปมีผลลบต่อราคาทองคำน้อยลง แต่การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการลงทุนในทองคำเพิ่มขึ้น และต้องการกระจายการลงทุนจากการถือเงินสด และหุ้น มาถือทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่จะให้ผลตอบแทนสูงในระยะยาว

ความมั่นใจในการลงทุนในทองคำจะมีมากขึ้นถ้าราคายืนเหนือเส้น MA 200 วัน และสามารถทำจุดสูงสุดได้สูงกว่า high ในช่วงก่อนหน้าบริเวณ 1,643 USDต่อออนซ์ได้ ส่วนความเสี่ยงขาลง มีที่บริเวณแนวรับ 1,605/1,600/1,685 จากการขายทำกำไร ปัจจัยพื้นฐานที่สนับสนุน ราคาทองคำ ได้แก่ นักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และความต้องการทองคำในเอเชียที่มีมากขึ้น เมื่อเข้าใกล้เทศกาลตรุษจีนซึ่งนิยมซื้อทองคำเพื่อเป็นของขวัญให้แก่กัน รวมถึงการเข้ามาสะสมทองคำของธนาคารกลางต่างๆ ของโลก กว่า 350 ตัน ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2011 ที่ผ่านมา

การประมูลขายพันธบัตรัฐบาลของฝรั่งเศส เป็นการขายพันธบัตรระยะยาวซึ่งสามารถขายได้ 7.96 พันล้านยูโร นับว่าประสบความสำเร็จพอสมควร โดยมีอัตราผลตอบแทนสูงขึ้นเล็กน้อย ความกังวลต่อวิกฤตหนี้ยุโรป ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก โดยดัชนีหุ้นในยุโรปปรับลดลงแรงเมื่อวันที่ 5 ม.ค. ส่วนตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงกว่า 1% ในวันที่ 6 ม.ค.นักลงทุนมีแนวโน้มเคลื่อนย้ายเงินลงทุนออกจากสินทรัพย์เสี่ยง และเข้ามาถือสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น เงินสด และทองคำเพิ่มขึ้น
ประเด็นอื่นๆ ที่จะมีผลกระทบต่อราคาทองคำ ได้แก่
• ผลการสำรวจของ Bloomberg จาก Trader 10 ใน 22 คน คาดว่าในสัปดาห์หน้าราคาทองคำจะปรับเพิ่มขึ้น และอีก 5 คนคาดว่าจะราคาจะไม่เปลี่ยนแปลง
• ปริมาณการขายเหรียญกษาปณ์ทองคำของสหรัฐที่เป็นที่นิยม อย่างเช่น American Eagle gold เพิ่มขึ้น 45,500 ออนซ์ในช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมานี้ เทียบกับ 65,500 ออนซ์ ในทั้งเดือนธ.ค.และ 41,000 ออนซ์ในเดือนพ.ย.
• อังกฤษและฝรั่งเศจะกดดันให้สหภาพยุโรปงดการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านในการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปในวันที่ 30 ม.ค.นี้ เพื่อตอบโต้อิหร่านในโครงการอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งคาดว่า จะมีผลให้ราคาน้ำมัน และราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นได้
• นายกรัฐมนตรีกรีซ ได้กล่าวเตือนประชาชนชาวกรีซว่า อาจจะเผชิญหน้ากับการตกต่ำทางเศรษฐกิจที่กำลังจะมาถึงในเร็วๆนี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นในช่วงเดือนมี.ค.
• กองทุน ETF ทองคำยังคงถือทองคำใกล้ระดับสูงสุด หลังจากที่ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมา 11 ปี
• การคาดการณ์ว่า นักลงทุนจะกลับมาถือทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เมื่อมีประเด็นความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐและอิหร่าน และวิกฤตหนี้ของยูโรโซน จะกลับมาสนับสนุนให้ราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้น
• ธนาคาร 2 แห่งปรับลดการคาดการณ์ราคาทองคำในปีนี้ลงจากการคาดการณ์เดิม แต่ในระยะยาว ราคาทองคำยังได้รับแรงสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบ และการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ ส่วนในปีนี้ HSBC คาดว่า ราคาทองคำมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,850 USDต่ออออนซ์ ลดลงจาก 2,025 USDต่อออนซ์ ส่วน Barclay คาดว่า ราคาทองคำมีราคาเฉลี่ยในปีนี้ที่ 1,875 USDต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ของบริษัทหลายแห่งได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองในปีนี้โดยโกลด์แมน แซคส์ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองสู่ 1,940 ดอลลาร์/ออนซ์มอร์แกน สแตนเลย์คาดว่าราคาทองปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 2,200 ดอลลาร์/ออนซ์ บีเอ็นพี พาริบาส์คาดว่าราคาทองปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1,775 ดอลลาร์/ออนซ์ แบงก์ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์คาดว่า ราคาทองจะเพิ่มขึ้นในปีนี้สู่ ระดับ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ โซซิเอเต้ เจเนอราล คาดว่าราคาทองปีนี้จะอยู่ที่ 2,175ดอลลาร์/ออนซ์ และเพรสทิจ อีโคโนมิกส์คาดว่า ราคาทองปีนี้จะอยู่ที่ระดับ1,695 ดอลลาร์/ออนซ์

การวิเคราะห์ทางเทคนิค
++ ราคาทองคำมีแนวต้านที่ 1,630/1,640 และแนวรับที่ 1,605/1,585 โดยกราฟรายวัน แสดงสัญญาณซื้อเมื่อเส้น MA 4 วันตัดเส้น MA 9 วันขึ้นมา คาดว่าราคามีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น แต่อาจถูกกดไว้ด้วย MA 200 วัน ดังนั้นอาจปรับขึ้นได้ในระยะที่จำกัด แนะนำ Trading ในกรอบ 1,605 – 1,640 และระมัดระวังในทุกๆ แนวต้าน เนื่องจากอาจมีแรงขายทำกำไรออกมาเป็นระยะ
++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับบริเวณ 28.7/28.2 แนวต้านบริเวณ 29.7/ 30.2 แนะนำนักลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบ 28.2 – 30.2

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook....lassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
http://itunes.apple....d464234361?mt=8 https://plus.google....509313835/posts https://market.andro...les.classicgold

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น