วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,750 1,730 แนวต้านที่ 1,795 1,810 ภาพกราฟราย 240 นาที MACD เริ่มมีค่าติดลบแล้ว แนะนำทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวที่บริเวณแนวรับ 1,750 (MA75) / 1,730 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,795 / 1,810

ราคาทองปรับลดลงจากการแข็งค่าของดอลล่าร์

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 15 พ.ย. อยู่ที่ 1,777.80 USDต่อออนซ์ โดยเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,762.59 – 1,778.60 USD ต่อออนซ์ ระหว่างวันราคาทองคำปรับตัวลดลงเรื่อย ๆ เนื่องจากมีแรงเทขายทำกำไรเมื่อไม่ผ่านแนวต้านหลังจากขึ้นไปทดสอบใกล้บริเวณแนวต้าน 1,800 USDต่อออนซ์ และได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ซึ่งราคาทองในช่วงนี้ปรับตัวตามสินทรัพย์เสี่ยง ในขณะที่นักลงทุนมีความกังวลและมุ่งความสนใจไปที่ปัญหาหนี้สินขนาดใหญ่ในยูโรโซนทั้งในอิตาลีและสเปน ซึ่งในขณะนี้ตลาดมองว่าหากทั้งสองประเทศดังกล่าวประสบกับปัญหาวิกฤตหนี้ ทั้ง 2 ประเทศมีหนี้สินขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะสามารถให้ความช่วยเหลือได้ ในระหว่างวันตลาดหุ้นทั่วเอเชียปรับตัวลดลงประมาณ 1% ขณะเดียวกันราคาทองคำมีแนวโน้มอ่อนตัวลงมีแนวโน้มจะทดสอบแนวรับ 1,750 / 1,730 ส่วนแนวต้านคาดว่าที่บริเวณ 1,795 / 1,810 โดยคาดว่าในระยะยาวทองคำยังคงเป็นที่ต้องการถือครองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่วนประเด็นที่น่าติดตามได้แก่

ประเด็นที่ คณะรัฐมนตรีคนใหม่อิตาลี ต้องหาเสียงสนับสนุนจากให้ได้มากพอ เพื่อที่คณะรัฐมนตรีจะสามารถเร่งรัดการปฏิรูป กฎระเบียบทางธุรกิจ ตลาดแรงงาน และเงินบำนาญ เพื่อที่ฐานะการเงินของอิตาลีดีขึ้น โดยที่อิตาลีจำเป็นต้องกู้เงินใหม่เพื่อนำมาชำระหนี้พันธบัตรเก่าราว 2 แสนล้านยูโร (2.73 แสนล้านดอลลาร์) ก่อนสิ้นเดือนเม.ย. 2012 ซึ่งถือเป็นภารกิจที่ยากลำบาก หลังจากอิตาลีจำเป็นต้องจ่ายอัตราผลตอบแทนราว 6.3 % ในการเปิดประมูลขายพันธบัตรประเภท 5 ปีเมื่อวานนี้ โดยอัตราผลตอบแทนดังกล่าวถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการใช้เงินยูโร

ประเด็นที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวว่า ยุโรปอาจจะเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลก ครั้งที่สอง และยูโรยังได้รับแรงกดดันจากการที่อิตาลีจ่ายอัตราดอกเบี้ยที่ 6.29 % สูงที่สุด นับตั้งแต่เริ่มใช้สกุลเงินยูโรในการขายพันธบัตรรัฐบาลประเภท 5 ปีในวันจันทร์ด้วย

ประเด็นหนี้สินกรีซ โดยฝ่ายค้านกรีซคัดค้านมาตรการรัดเข็มขัดใหม่ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าแนวร่วมรัฐบาลใหม่ของกรีซอาจจะไม่ได้รับเสียงสนับสนุนข้ามพรรคเหมือนอย่างที่กลุ่มผู้ปล่อยกู้เรียกร้องมา โดยมาตรการรัดเข็มขัดใหม่นี้จะส่งผลให้กรีซได้รับเงินช่วยเหลือ และสามารถหลีกเลี่ยงจากภาวะล้มละลายได้ มาตรการช่วยเหลือดังกล่าวมีขนาด 1.30 แสนล้านยูโร ซึ่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของกรีซกล่าวว่า กรีซไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการอยู่ในยูโรโซนต่อไป และกล่าวต่อสมาชิกรัฐสภาว่า การปฏิรูปเป็นเพียงหนทางเดียวในการลดผลกระทบจากมาตรการรัดเข็มขัด หลังจากมาตรการรัดเข็มขัดส่งผลให้เศรษฐกิจกรีซถดถอยลงอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น และกลุ่มผู้ปล่อยกู้แก่กรีซระบุว่า ถ้าหากพรรคการเมืองฝ่ายค้าน 3 พรรคนี้ไม่ลงนามในสัญญา ทางกลุ่มก็จะระงับการปล่อยเงินช่วยเหลือขนาด 8 พันล้านยูโรที่รัฐบาลกรีซจำเป็นต้องใช้เพื่อหลีกเลี่ยงจากการขาดแคลนเงินสดในกลางเดือนหน้า

Fed มีการระบุว่า มีความเป็นไปได้กว่า 50 % ที่ปีหน้าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ โดยผลสำรวจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียพบว่านักเศรษฐศาสตร์ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐในอีก 2 ปีข้างหน้าลง ขณะที่คาดว่าตลาดแรงงานจะชะลอตัวมากกว่าคาด ทั้งนี้ ผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ 45 คนในไตรมาส 4 พบว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัวในอัตราเฉลี่ย 2.4% ในปีหน้าซึ่งลดลงจาก 2.6% ที่คาดไว้ในผลสำรวจไตรมาส 3 และคาดว่าจีดีพีในปี 2013จะอยู่ที่ 2.7% ลดลงจาก 2.9% ที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ สำหรับในไตรมาสนี้ ตัวเลขคาดการณ์จีดีพีทรงตัวที่ 2.6% ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์จีดีพีสำหรับปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 1.8% จาก 1.7% แนวโน้มสำหรับตลาดแรงงานย่ำแย่ลงโดยคาดว่าอัตราว่างงานจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 8.8% ในปีหน้า เพิ่มขึ้นจาก 8.6% ที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ และนั่นบ่งชี้ว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 123,000 ตำแหน่งในปีหน้าส่วนแนวโน้มสำหรับปี 2013 คาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นเป็น 8.4%จากที่คาดการณ์เดิมที่ระดับ 8.1% ขณะที่อัตราว่างงานในไตรมาส 4 และทั้งปีนี้จะทรงตัวที่ 9.0% ส่วนการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของฝรั่งเศส GDP ไตรมาส 3 อยู่ที่ 0.4 % ปรับตัวดีขึ้นจาก ไตรมาส 2 อยู่ที่ -0.1 % ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจของอิตาลี โดยในก.ย. ปี 2011 ขาดดุลการค้าไป 8 ล้านยูโร เมื่อเทียบกับก.ย.ปี 2011 ซึ่งขาดดุลการค้าไป 396 ล้านยูโร
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่
1. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค.ในวันนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย
2. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์คจะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนพ.ย.ในวันนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย
3. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ในวันนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย
4. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย.ในวันนี้เวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย
5. ประมูลตั๋วเงินคลังอายุ 3 เดือนจำนวน 1,000 ล้านยูโร และการคาดการณ์ GDP ไตรมาส 3 ในวันนี้

การวิเคราะห์ทางเทคนิค
++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,750 1,730 แนวต้านที่ 1,795 1,810 ภาพกราฟราย 240 นาที MACD เริ่มมีค่าติดลบแล้ว แนะนำทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวที่บริเวณแนวรับ 1,750 (MA75) / 1,730 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,795 / 1,810
++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 33.25 32.6 แนวต้านที่ 35.5 36.5 ภาพกราฟราย 240 นาที ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 32.6 – 35.5 แนะนำ Trading ในกรอบ

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,
http://www.classicgoldfutures.co.th
http://www.classicgold.co.th
http://www.chiabsengheng.co.th
http://www.facebook....lassicGoldGroup
http://www.youtube.com/ilovecgf
http://www.twitter.com/ilovecgf
http://classicgoldfutures.blogspot.com
http://itunes.apple....d464234361?mt=8

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น