วันพุธที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2560

บทวิเคราะห์แนวโน้มฟิวเจอร์ส วันพฤหัสบดีที่ 20 เมษายน 2560 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

[b][color=green]บทวิเคราะห์แนวโน้มฟิวเจอร์ส วันพฤหัสบดีที่ 20 เมษายน 2560 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า) Today Strategy: • Gold ราคาทองปิดปรับตัวลดลงหลังจากราคาไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ โดยราคาทองเริ่มเผชิญแรงขายตั้งแต่ต้นสัปดาห์ หลังราคาขึ้นไปทดสอบใกล้บริเวณสำคัญ 1,300 เหรียญ แต่ยังไม่สามารถไปถึงได้ รวมทั้งค่าเงินดอลลาร์ที่เริ่มฟื้นตัวในรอบกว่า 2 สัปดาห์ ถึงแม้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. จะลดลงก็ตาม โดยราคาทองคำรอปัจจัยใหม่ๆ เช่น ผลการเลือกตั้งรอบแรกของฝรั่งเศสในวันอาทิตย์นี้ Key Factors • Gold ราคาทองคำปิดปรับตัวลดลง 10.35 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือคิดเป็น -0.80% โดยปิดที่ 1,278.91 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ โดยราคาเมื่อวานนี้เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,275.73 – 1,290.76 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์และราคาเคลื่อนไหวในเช้านี้บริเวณ 1,280 เหรียญ ราคาทองคำเผชิญแรงขายทำกำไรในเมื่อวานนี้ก่อนที่ราคาจะปิดปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง โดยค่าเงินดอลลาร์เริ่มฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ทำให้ราคาทองเริ่มเคลื่อนไหวในกรอบที่อ่อนค่าลง และรอปัจจัยใหม่ๆ ที่จะทำให้การเคลื่อนไหวราคาทองผันผวน ปัจจัยหลักที่ต้องติดตาม คือ ในวันอาทิตย์นี้จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในครั้งแรก โดยฝ่ายขวาจัดมีโอกาสที่จะเป็นตัวแทนในการเลือกตั้งครั้งสุดท้ายมากขึ้น แต่ในทางกลับกันตัวเลขการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ในเดือน มิ.ย. จะลดลงต่ำกว่า 50% แต่ก็ไม่ได้หนุนราคาทองคำในเมื่อคืนนี้ หลังจากราคาทองไม่สามารถทะลุผ่าน 1,300 เหรียญขึ้นไปได้ และคืนนี้ติดตามตัวเลขภาคการผลิต และตัวเลขขอรับสวัสดิการการว่างงาน Exclusive News • ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ในวันพุธ หลังจากสต็อกน้ำมันเบนซินสหรัฐพุ่งขึ้นสูงเกินคาด และปริมาณการผลิตน้ำมันดิบภายในสหรัฐทะยานขึ้น โดยปัจจัยนี้บดบังการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันของประเทศอื่นๆ • ดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นในวันพุธหลังแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญๆ อันเป็นผลจากการคาดการณ์ที่ลดลงเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐ และความวิตกเกี่ยวกับความสามารถของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการกระตุ้นด้านการคลัง • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุในรายงาน Beige Book ว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวในอัตราเล็กน้อยจนถึงปานกลางในช่วงตั้งแต่กลางเดือนก.พ.จนถึงสิ้นเดือนมี.ค. • นายวอลเทอร์ เพโฮวิช จากบริษัทดิลลอน เกจ เมทัลส์กล่าวว่า "อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีปรับขึ้นสู่ 2.2 % และปัจจัยนี้ส่งผลลบต่อราคาทอง" และเขากล่าวเสริมว่า "กองทุนเทขายทองออกมาเป็นจำนวนมากในภูมิภาคตะวันออกไกล และปัจจัยนี้ส่งผลลบต่อราคาทองด้วยเช่นกัน • สัญญาอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าบ่งชี้ว่า มีโอกาส 48.5% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. ลดลงจาก 71% เมื่อวันที่ 6 เม.ย. Key Point Positive( + ) • ความต้องการถือทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น เมื่ออัตราแลกเปลี่ยนผันผวนแรง Negative( - ) • เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น • การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ • การใช้นโยบายทางการเงินเชิงผ่อนคลายของธนาคารกลางต่างๆ Neutral ( * ) • การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ • การเลือกตั้งรอบแรกของฝรั่งเศสในวันอาทิตย์นี้ • เหตุการณ์ความไม่สงบทั่วโลก • Strategy : trading ในกรอบการอ่อนตัว หากยืนเหนือบริเวณ 1,275 เหรียญให้เน้น long แต่ถ้าไม่ให้ trading short สั้นๆ [/color] [color=#0066FF] Smart Stock Today Strategy: ปรับฐานราคา ดัชนีนี้ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ปรับตัวเคลื่อนไหวลดลงอย่างชัดเจน จากความกังวลต่อปัจจัยภายนอกซึ่งส่งผลกระทบให้กระเเสเงินทุนต่างประเทศเริ่มไหลออกค่อนข้างต่อเนื่องตั้งเเต่ต้นสัปดาห์ โดยเราคาดว่าเงินทุนส่วนใหญ่จะไปถูกพักในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำเเละพันธบัตรรัฐบาล รวมทั้งในส่วนของปัจจัยภายในเองโดยเฉพาะเรื่องการประกาศงบการเงินของกลุ่มธนาคารซึ่งอาจมีเเรง Sell on Fact บ้างบางส่วนประกอบกับกังวลปัจจัยฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อคืนได้มีการประกาศสรุปรายงานภาวะเศรษฐกิจจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนบางส่วนปรับสถานะการลงทุนลดความเสี่ยง ซึ่งรายงานออกมาว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวในอัตราเล็กน้อยถึงปานกลางในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงสิ้นเดือนมีนาคม เเละอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ภายใต้การควบคุม สำหรับสัญญาซื้อขายล่วงหน้า S50M17 เมื่อวานนี้เปิดตลาดที่ 992.80 จุด ก่อนมีแรงขายกดดันและปิดตลาดในแดนลบที่ 992 จุด -1.1 จุด เช่นเดียวกับดัชนีหลักอย่าง SET index ซึ่งปิดตลาดที่ 1,567.19 จุด -7.23 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายระหว่างวันที่เริ่มกลับเข้าสู่เกณฑ์ปกติที่ 43,477.81 ล้านบาท โดยเป็นเเรงขายของกลุ่มนักลงทุนสถาบันภายในประเทศซึ่งขายสุทธิมากถึง -3,484.46 ล้านบาท เเละนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่า -368.18 ล้านบาท ต่อตั้งเเต่ต้นสัปดาห์ รวมมีสถานะขายสุทธิตลอดเดือนเมษายนกว่า -348.84 ล้านบาท โดยเราคาว่าเป็นผลมาจากความกังวลในการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงมากกว่าความกังวลปัจจัยภายในประเทศเนื่องจากหากเปรียบเทียบเเล้วดัชนีตลาดหุ้นไทย(เเละเศรษฐกิจไทย)ถือว่าเเข็งเเกร่งกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค สำหรับการซื้อขายในวันนี้เราคาดว่าตลาดจะเเกว่งตัวผันผวนในกรอบราคาที่กว้างขึ้นเเละยังไม่น่าจะมีเเรงขึ้นไปทดสอบระดับนัยสำคัญได้ในช่วงสัปดาห์นี้ โดยทั้งปัจจัยบวกเเละปัจจัยลบเราให้น้ำหนักพอๆ กันเเละคาดการณ์ว่าตลาดน่าจะเเกว่งตัวออกข้างไปก่อน • Strategy : ฝั่ง Short Position ได้เปรียบระหว่างวันหากราคายังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่า 994 จุด ปัจจัยที่ต้องติดตาม - ถ้อยแถลงของคณะกรรมการนโยบายการเงินหลายประเทศตลอดสัปดาห์และการประชุม IMF (20-21 เม.ย.) ข่าวในประเทศ - ลงทุนดันจีดีพีโตปีละ0.5% พ้นกับดักรายได้ปานกลาง: ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การลงทุนโครงสร้างด้านคมนาคมขนส่งวงเงิน 1.7 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการลงทุนในระยะเวลา 8 ปี จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เพิ่มขึ้นอีกปีละ 0.5% หรือจีดีพีมีการเติบโตได้เต็มศักยภาพไม่ต่ำกว่าปีละ 4% และทำให้ประเทศไทยหลุดจากกับดักประเทศรายได้ขนาดกลางได้เร็วขึ้น เพราะจากการประมาณของกระทรวงการคลัง พบว่า หากปล่อยให้เศรษฐกิจขยายตัวระดับใกล้ 3.5-4% เช่นปัจจุบัน จะต้องใช้เวลาอีกถึง 15 ปี ประเทศไทยถึงจะหลุดจากกับดักประเทศรายได้ขนาดกลางได้ ทำให้ที่ผ่านมารัฐบาลได้เร่งปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ประเทศไทยหลุดจากประเทศไทยรายได้ปานกลางได้เร็วขึ้น - ดันไทยทำธุรกิจง่ายอันดับ 2: รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงาน “การปฏิรูปภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ” จัดโดย ก.พ.ร. ว่า ในเร็ว ๆ นี้ ธนาคารโลกจะประเมินความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของไทย ซึ่งถือว่าเป็นตัวประเมินชี้วัดที่มีความสำคัญมากเนื่องจากมีนัยทางการเมืองน้อยที่สุด และผลจากการประเมินจะมีส่วนช่วยต่อการตัดสินการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ หากผลประเมินออกมาดี การตัดสินใจของนักลงทุนจะง่ายขึ้น ซึ่งไทยตั้งเป้าหมายว่าในปี 63 ไทยจะก้าวขึ้นเป็ฯอันดับ 2 ของอาเซียน แซงหน้ามาเลเซียให้ได้ จากปัจจุบันที่อยู่อันดับ 46 จาก 190 ประเทศ หรือเป็นอันดับ 9 ของเอเชีย และอันดับ 3 ของอาเซียน - (SPALIM17) SPALI ยอดขายพุ่ง 7.5 พันล. ตุนแบ็กล็อกหนากินยาว 4 ปี: SPALI ประเดิมยอดขายไตรมาสแรก 7,561 ล้านบาท เติบโตกว่า 20% จากปีก่อน หลังเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้น ขณะที่ปัจจุบันตุน Backlog ในมือแล้วกว่า 3.65 หมื่นล้านบาท กินยาว 4 ปีข้างหน้า คาดรับรู้ปีนี้ 1.37 หมื่นล้านบาท มั่นใจปั๊มผลงานทั้งปีตามนัดมีรายได้ 2.45 หมื่นล้านบาท และยอดขายที่ 2.7 หมื่นล้านบาท อบรมทุกวันอังคารและพฤหัสบดี ที่อาคารจัตุรัสจามจุรี ชั้นที่ 12 สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808, http://www.classicgoldfutures.co.th http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup http://www.youtube.com/ilovecgf http://www.twitter.com/ilovecgf https://plus.google.com/114919553661509313835/posts http://web.stagram.com/n/classicgoldgroup/ http://classicgoldfutures.blogspot.com Application search CLASSIC GOLD ทั้ง iPhone และ Android [/color][/b]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น